From Heart to Sahasrara

From Heart to Sahasrara 1982-07-11

Location
Talk duration
94'
Category
Public Program
Spoken Language
English

Current language: Thai, list all talks in: Thai

11 กรกฎาคม 1982

Public Program

Guildhall Theatre, Derby (England)

“Heart, Vishuddhi, Agnya, Sahasrara – Becoming the Knowledge”,Public Programme, Derby (UK), 11 July 1982.

แม่ดีใจที่ ดร.วอร์เรน สามารถอธิบายให้คุณฟัง เกี่ยวกับจักรต่างๆ ที่แม่เล่าให้ฟังเมื่อวาน เพราะในหนึ่งการบรรยายสั้นๆ ไม่สามารถครอบคลุม ประเด็นทั้งหมดนั้น และถ้าคุณได้รับการรู้แจ้ง และคุณมีความก้าวหน้า คุณจึงจะสามารถฟังเทปของแม่ ที่มีอยู่เป็นร้อยๆม้วน และคุณจะเข้าใจว่าความรู้นั้น กว้างใหญ่ไพศาล เหมือนมหาสมุทร เหมือนที่แม่เล่าให้ฟังเมื่อวาน ว่าเมื่อคุณได้รับการรู้แจ้ง คุณจะกลายเป็นความรู้ มันเป็นข้อความที่สร้าง ความสับสนอย่างมาก คนไม่เข้าใจ ความหมายของ "การกลายเป็นความรู้" วันก่อนมีสุภาพบุรุษคนหนึ่ง มาหาและบอกแม่ว่า "คุรุของผม ได้มอบความรู้แก่ผมแล้ว" แม่ถามว่า "ทําอย่างไร?"

"เพราะว่า คุรุท่านนั้นบอกผมว่า "เราได้ให้ความรู้แก่คุณแล้ว" แม่พูดว่า "แต่ถึงอย่างนั้น มันเป็นอย่างไรล่ะ ความรู้ที่ว่า?" "คุณเชื่อได้อย่างไร ว่าเขาได้มอบ ความรู้แก่คุณจริงๆ?" เขาตอบว่า "ไม่ใช่ครับคุณแม่ ท่านแตะที่หน้าผากของผม และผมก็เห็นแสงสว่าง" แม่ตอบว่า "ถึงอย่างไรคุณก็ มองเห็นแสงสว่างได้อยู่ดี คุณได้รับความรู้ได้อย่างไร?" เขาจึงเริ่มทบทวนเรื่องนี้ เขาถามว่า "ควรจะเกิดอะไรขึ้น เมื่อผมได้รับความรู้?" แม่ตอบว่า "เห็นคนที่นั่ง ข้างๆคุณหรือไม่ เขาคือ สหจะโยคี เขารู้ว่า กุณฑลินีคืออะไร เขายังรู้วิธียก พลังกุณฑลินีของคุณด้วย เขารู้ว่าคุณมีปัญหาอะไร จักรใดบ้างที่ติดขัด. และเขารู้ว่า ปัญหาของเขาคืออะไร" ชายคนนั้นจึงถามแม่ว่า "แล้วเขารู้ได้อย่างไร?" แม่ตอบว่า "เพราะเขากลายเป็นความรู้" ตามที่แม่บอกคุณเมื่อวาน ว่าในระบบประสาทส่วนกลาง ของคุณ คุณจะสามารถ รู้สึกถึงคนอื่น และตัวเองซึ่งอยู่ภายใน ตัวอย่างเช่น คนวิกลจริต เมื่อเขาเริ่มมีอาการวิกลจริต เขาจะไม่รู้ตัว เขาไม่ตระหนักว่าเขาได้ถูก วิญญาณครอบงําเสียแล้ว เขาจะวิกลจริตขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งควรจะได้รับการรักษา แต่เขาไม่รู้ตัว เขาจะค่อยๆวิกลจริตอย่างสมบูรณ์ และต้องอยู่ในโรงพยาบาลโรคจิต หรือคนที่เป็นมะเร็ง ไม่รู้ตัวว่ามะเร็งกําลังลุกลาม จนกระทั่งมีคนบอกว่า "คุณเหลือเวลาอีก ไม่ถึงสิบห้าวันก่อนตาย" นี่อยู่ในระดับของ ร่างกายและจิตใจ คนที่มีอัตตาสูง ไม่รู้ตัวเองว่า เขาถูกครอบงําด้วยอัตตา ว่าเขากําลังกดขี่ข่มเหงคนอื่น และการที่คนอื่น ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของเขา ดังเช่น ฮิตเลอร์ไม่เคยรู้ตัวเลย ว่าเขาเป็นปีศาจที่ชั่วร้าย ว่าเขาจะต้องตกนรก และบรรดาคน ที่ห้อมล้อมฮิตเลอร์ ในขณะนั้น ไม่เคยตระหนักเลยว่า ปีศาจกําลังเติบโตในสังคม ว่าปีศาจร้ายกําลังจะมา ไม่มีใครรู้ได้ทุกอย่าง หลังจากสิบเอ็ดปีผ่านไป ทันใดนั้น เขาก็กลับมา เยี่ยงพลังชั่วร้ายของซาตาน ที่ทําลายล้างทุกอย่าง ถ้าคุณอ่านหนังสือ ที่เขียนขึ้น ก่อนยุคของเขา จะพบว่า คนพวกนั้น สนับสนุน ฮิตเลอร์ เพราะพวกเขา บอกว่า "เรากําลังตกต่ํา สังคมของเรา กําลังเสื่อมโทรม และเราจําเป็นต้องมีคน ที่นําพา เราไปสู่วินัย ที่เคร่งครัด และช่วยสร้างวินัยให้กับเรา เราจําเป็นต้องมีวินัย เราจะต้องมีวินัย" ดังนั้น พวกเขาจึงนิยมฮิตเลอร์ แม้แต่เด็กนักเรียน ก็ชื่นชอบเขา เมื่อเขาไปที่มหาวิทยาลัยต่างๆ เขาทําให้คนเหล่านั้นชื่นชอบ ด้วยการพูดว่า "เราต้องมีวินัย เราควรจะเข้มงวด คุณต้องไม่กิน อาหารชนิดนี้ ชนิดนั้น คุณจะต้องมีวินัยเคร่งครัดมาก" ซาบซึ้งเป็นอย่างยิ่ง ในสิ่งที่เขากล่าว คนหนุ่มสาว พวกเขาไม่ตระหนักเลยว่า ชายผู้นี้ เป็นปีศาจหรือไม่ ความรู้ คือการที่ คุณสามารถเห็นระบบกายละเอียด ของคุณเอง และของคนอื่น ระบบกายละเอียดในตัวเรา และระบบกายละเอียด ของคนอื่น สถิตในจักร มีจักร อยู่ภายในตัวเรา และจักรเหล่านี้ คือผู้ ตอบสนองต่อความจําเป็น ยามฉุกเฉินของเรา เช่น ถ้าเราจะต้องวิ่งเร็วๆ เราสามาถวิ่งเร็วได้ หัวใจของเราจะเริ่มเต้นแรง ระบบประสาทตื่นตัว ทํางานอย่างเต็มที่ หลังจากนั้น จักรต่างๆจะช่วยให้ ร่างกายกลับสู่ สภาวะปกติ ด้วยการให้พลังงาน ที่เหมาะสม ให้กับอวัยวะ ที่ถูกใช้งาน มากเกินไป เพื่อให้อวัยวะเหล่านั้น กลับสู่ สภาวะปกติ เมื่อพูดถึงฝั่งซ้าย และฝั่งขวา ระบบประสาทส่วนกลางทั้งสองข้าง ทํางานหนักจนเหนื่อยล้า เมื่อมีความเหนื่อยล้า มากเกินไปในจักร จักรเหล่านั้น ก็จะถูกแยกออก โดยทุกจักรจะมีเทพ ประจําจักรนั้นสถิตอยู่ และเมื่อ เทพประจําจักรนั้นหลับไป จะเกิดการแยกตัว เป็นเอกเทศจากส่วนรวม ด้วยเหตุนี้ นี่คือการที่เราได้รับ การเชื่อมต่อกับส่วนรวมทั้งหมด เข้าใจไหม สมมุติว่านี่คือ แกนกระดูกสันหลัง มันเหมือนแบบนี้ เมื่อมันหัก คุณก็จะถูกตัดขาด จากส่วนรวมทั้งหมด สูญเสียการควบคุม เมื่อสูญเสียการควบคุม คุณก็ต้องพึ่งตัวเอง ทําทุกอย่างเอง เมื่อเซลล์ต้องพึ่งตัวเอง ทําทุกอย่างเอง มันจะตกอยู่ในอันตราย มันสูญเสียความสัมพันธ์ กับส่วนรวมทั้งหมด ที่มอบความสมดุล ความสามารถในการ จัดสัดส่วน และการประสานกัน ว่าควรจะเติบโตสักเท่าใด และนี่คือหนทางที่มะเร็งก่อตัว ในสังคมทุกวันนี้ เพราะสังคมกําลัง กลายเป็นสังคมอุดมอัตตา เราเอาแต่พูดว่า "แล้วมันผิดตรงไหน? สิ่งนี้ผิดตรงไหน ทําแบบนี้ แล้วมันผิดตรงไหน?" ตามที่ วอร์เรน เพิ่งจะบอกคุณในวันนี้ ว่าเรามีธรรมะอยู่ภายใน เรามีหลักธรรมทั้งสิบประการ ผู้ค้ําจุนทั้งสิบอยู่ในตัวเรา บัญญัติสิบประการ ที่เราต้องเชื่อฟัง ทําไมล่ะ? เพราะเมื่อคุณหลุด จากกรอบ แห่งธรรมะ คุณจะเข้าสู่ ความไม่สมดุล และเมื่อความไม่สมดุลนี้ฝังรากลง คุณอาจจะมีปัญหาใดปัญหาหนึ่ง ซึ่งเกิดจาก ความไม่สมดุล ด้วยเหตุนี้ เราจึง ไม่สามารถรักษามะเร็งได้ เพราะเราไม่สามารถทําให้เซลล์ กลับสู่สภาวะปกติได้ เราทําได้มากที่สุด ก็แค่ กําจัดเซลล์ ที่เริ่มทําลายเซลล์อื่น ออกจากร่างกาย และทําให้พวกมันเต็มไปด้วยอัตตา แต่เราไม่สามารถทําให้ มันกลับเป็นเซลล์ปกติ ด้วยไวเบรชั่นเท่านั้น ที่คุณจะสามารถทําได้ เพราะเมื่อคุณให้ไวเบรชั่น แก่ศูนย์พลังงาน พวกมันจะมีพลังเพิ่มขึ้น มันแผ่ขยายออร่า ขยายขอบเขตให้ใหญ่ขึ้น ดูดกลืนทั้งสองฝั่ง และนํามันมาบรรจบกัน และเหล่าเทพ จะถูกปลุกให้ตื่นขึ้นอีกครั้ง และเซลล์ก็จะเริ่มได้รับ สารจากส่วนรวมทั้งหมด นี่คือ หลักการที่เรียบง่าย ซึ่งละเอีอดอ่อน แต่คนที่เป็นมะเร็ง จะรู้ได้อย่างไรว่า เขาเป็นมะเร็งหรือไม่?

เพราะไม่มีทางที่จะรู้ได้เลย แต่เมื่อคุณกลายเป็นความรู้ คุณจะเริ่มพัฒนาความรู้สึก ที่สัมผัสได้ในนิ้วมือ และนี่คือ การถอดรหัส ถอดหรัสภาษา ที่บอกกับคุณ ว่าศูนย์พลังไหนติดขัด และจะรักษาอย่างไร ทันใดนั้นคุณจะตื่นตัว เพราะคุณรู้ว่า เกิดอะไรขึ้น และคนที่มีปัญหา เช่น สุขภาพจิต พวกเขาไม่รู้ตัวว่า มีปัญหาสุขภาพจิต บางคนไม่รู้โดยสิ้นเชิง แต่เมื่อเขาตระหนักว่า เขามีปัญหาสุขภาพจิต มีจิตแพทย์คนหนึ่ง มาพบแม่ ในวันนี้ เขาอยู่กับแม่เท่านั้น เขาเป็นสหจะโยคี และรักษาผู้ป่วย ที่มีปัญหาสุขภาพจิต เขาเป็นจิตแพทย์ เขาพบว่านิ้วนี้ จะสั่นอยู่เสมอ เมื่ออยู่ต่อหน้าแม่ นิ้วนี้และ นิ้วหัวแม่โป้งนี้ ถ้ามันไหม้และสั่น แสดงว่าในตัวเขา มีการครอบงําจากภูต มันเป็นสิ่งที่เรียบง่าย ตอนนี้ เขาสามารถชําระล้าง มันออกไปได้เพราะสหจะโยคี ใช้เวลาไม่ถึง สองนาทีในการชําระล้าง แต่คนที่มีปัญหา ก็สามารถรักษาตัวเองได้ เพราะเมื่อคุณรู้ว่า จักรไหนติดขัด รู้ว่าต้องปลุก เทพองค์ไหน และรู้วิธีการปลุก พวกท่าน คุณจะสามารถชําระล้างปัญหาได้ ด้วยเหตุนี้ ผู้ป่วยวิกลจริต จึงสามารถรักษาให้หายได้ ตอนนี้ ที่นี่มีคนวิกลจริต อยู่บนถนน เมื่อกี้ตอนที่เขากําลังพูด แม่อยู่ในห้อง "คุณต้องแสวงหาพระคริสต์ คุณต้องแสวงหา พระเจ้า" และทั้งหมดนั้นบนถนน ตัวเขาเองก็วิกลจริตแล้วเขา จะนําทางคนอื่นไปสู่สิ่งไหน โรงพยาบาลโรคจิตหรือ? เขาพูดดังๆแบบนั้น "คุณต้องแสวงหาพระเยซู คุณต้องแสวงหา พระเจ้า" แล้วทําอย่างไร? คุณจะแสวงหาอย่างไร? แค่การสอนว่า "แสวงหา พระเยซู แสวงหาพระเจ้า" นี่คือหนทาง จริงหรือ? ถ้าแม่บอกคุณตอนนี้ว่า "จงตั้งสติอยู่ภายใน" ตอนนี้คุณนั่งอยู่ตรงหน้าแม่ มันเรียบง่ายมาก สติของคุณมาที่แม่ ตอนนี้จงตั้งสติอยู่ภายใน ทําได้หรือไม่? คุณอาจบอกว่า "ได้ครับ เรากําลังทําอยู่" นั่นไม่ใช่ คุณไม่ได้กระทําสิ่งใดทั้งสิ้น ต้องมีบางอย่าง เกิดขึ้นภายใน ตราบใดที่บางอย่าง ยังไม่เกิดขึ้นภายใน คุณจะไม่สามารถตั้งสติไว้ภายใน คนหลายคนเชื่อในสิ่งที่ผิด และเชื่อต่อไปจนกระทั่ง เขาเริ่มทุกข์ทรมานจากสิ่งนั้น แม่เคยเห็น คนที่เป็นแบบนี้ พวกบ้าคลั่ง . เมื่อแก่ตัวลง เขาจะกลายเป็น คนที่รุนแรงที่สุด หรือไร้ประโยชน์ที่สุด หรือก้าวร้าวที่สุด หรือน่าเบื่อที่สุด บางคน กลายเป็นพวกครึ่งดีครึ่งบ้า และบางคนกลายเป็นบ้าเต็มตัว ดังนั้น การปักใจเชื่อในสิ่งใด โดยปราศจากความรู้ในสิ่งนั้น เป็นเกมของคนตาบอดโดยแท้ จะต้องประกอบด้วยการ บํารุงเลี้ยงและค้ําจุน ตอนนี้ ในอินเดียเรามี ศาสนาซิกข์ ซึ่งเป็นศาสนาที่ยิ่งใหญ่มาก แต่คนที่นับถือ ศาสนาซิกข์ ไม่สมควรที่จะดื่ม ของมึนเมาเลย แม้แต่น้อย ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เมื่อคุรุนานัก กล่าวว่า "พวกท่านจะต้องไม่ดื่มของมึนเมา" เพราะท่านรู้ในสิ่งนี้ ท่านรู้ว่า ท่านกําลังพูดถึงอะไร ท่านคือ อวตารของพระเจ้าแรกเริ่ม ท่านคือคุรุแรกเริ่ม และเมื่อท่านกล่าวว่า "พวกท่านไม่ควรดื่มของมึนเมา" ตอนนี้มีคนบอกแม่ว่า ในอังกฤษ พวกที่นับถือ ศาสนาซิกข์ดื่มของมึนเมา มากกว่าพวกชาวสก็อตเสียด้วยซ้ํา นี่เป็นเรื่อง ที่น่าประหลาดใจที่สุด ลองนึกถึงศาสนา อิสลาม เพราะโมฮัมหมัด ซาฮิบ และนานัก ซาฮิบเหมือนกัน คือบุคคลเดียวกัน ท่านพูดเหมือนกัน โมเสสก็พูดเหมือนกัน ลองถามพวกยิวว่า พวกเขากําลังทําอะไร? ท่านกล่าวว่า "ควรจะหลีกเลี่ยง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ของมึนเมาทั้งหลาย" ในช่วงเวลาของ โมฮัมหมัด ซาฮิบนั้นยังไม่มีบุหรี่ ท่านจึงไม่ได้กล่าวถึงบุหรี่ ดังนั้นพวกมุสลิมจึงบอกว่า "การสูบบุหรี่นั้นไม่เป็นไร" คุณเห็นไหมว่า สิ่งเหล่านี้ มีช่องโหว่อยู่มากมาย ในอินเดียเรามีชุมชน มากมายที่เป็นแบบนี้ ที่ๆเมื่อคุณไป และพบเห็น คุณจะประหลาดใจ คนที่นับถือศาสนาเชน (Jain) พวกเขาไม่กินเนื้อสัตว์ แต่กลับดื่มของมึนเมา คุณนึกภาพออกมั้ย ข้อเท็จจริงก็คือ การดื่มของมึนเมา ต่อต้านสติรู้ ในขณะที่ท่าน มหาวีระ ไม่พูดถึงสิ่งใดนอกจากไจตันยะ พระพุทธเจ้าไม่เคยพูดว่า "อย่ากินเนื้อสัตว์" แต่ไม่ได้หมายความว่า คุณควรกินเนื้อสัตว์ แต่แม่กําลังบอกว่า ท่านไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้ นี่ไม่ใช่เรื่อง สลักสําคัญอะไรนัก พระพุทธเจ้าเอง ก็ปรินิพพาน เพราะฉันเนื้อหมูดิบ ท่านไปที่บ้านหลังหนึ่งเห็นไหมว่า ท่าน คือวิญญาณตระหนักรู้ ท่านคือบุคคลที่ยิ่งใหญ่ ท่านเป็น องค์อวตาร ท่านไปที่บ้านหลังนั้น ในฐานะ ผู้มาเยือน ทันใดนั้น ท่านก็ปรากฏตัวที่นั่น และเจ้าของบ้าน เป็นเพียงนายพราน เขากล่าวว่า "โอ พระพุทธองค์ ท่านได้มาเยือนบ้านของข้าพเจ้า ข้าฯควรถวายอะไรให้กับท่าน ข้าฯควรทําอะไร พระพุทธเจ้า ตอบว่า "เรามีเวลาน้อยมาก สิ่งใดก็ตาม ที่ท่านมีโปรดมอบให้เรา" นายพรานตอบว่า "ข้าฯเพิ่งจะล่าหมูป่า แต่ยังต้องใช้เวลาปรุง อีกสักพักกว่าหมูจะสุก" พระพุทธเจ้าตอบว่า "ไม่เป็นไร โปรดมอบให้เรา ให้เราครึ่งสุกก็ได้" ท่านจึงปรินิพพานด้วยเหตุนี้ แม้แต่ในศาสนาเชน (Jain) คุณก็จะประหลาดใจ ว่านมินาถเป็นคนแรก ท่านเป็นญาติของศรีกฤษณะ ในพิธีแต่งงานของท่าน มีงานเลี้ยงใหญ่โต มีการซื้อนกมาเป็นจํานวนมาก แม่หมายความว่า พวกเขานับถือ ศาสนาเชน ลองนึกดู ท่านเห็นนกพวกนั้น ถูกฆ่าเป็นจํานวนมาก ท่านจึงเกิดความรู้สึก ต่อต้าน และกล่าวว่า "เอาละ พอกันที" แต่พวกเขากลับกลายเป็น ถือมังสวิรัติแบบสุดขั้ว แม่หมายความว่า พวกเขาสามารถ โหดร้ายต่อตัวเองมาก แต่พวกเขาไม่ใส่ใจ พวกเขาเป็นมังสวิรัติที่เคร่งมาก ในระดับที่คุณไม่สามารถ จินตนาการถึง ดังนั้น นี่คือปัญหาเกี่ยวกับ ศาสนาที่มีมาตลอด ว่าคุณยึดถือ อะไรอย่างสุดโต่ง สิ่งแรกเกี่ยวกับศาสนาคือ จะต้องไม่ทําอะไรสุดโต่ง นี่คือรากฐาน ของทุกศาสนา สําหรับศาสนิกชน คุณรู้ว่า พระคริสต์กล่าวว่า "อย่ายุ่งกับคนตาย ไม่มีอะไร ต้องยุ่งเกี่ยวกับคนตาย" ท่านดึงเอาดวงวิญญาณ ออกมา แล้วใส่ในร่างหมู และนําหมูนั้นทิ้งลงทะเล พวกคุณรู้เรื่องนี้ดี แต่โบสถ์ทุกแห่ง เต็มไปด้วยคนตาย นอนอยู่ใต้เท้าของพวกเขา คุณไม่รู้ว่า จะเดินเข้าโบสถ์ได้อย่างไร เพราะมีร่าง ของคนตายเต็มไปหมด โชดดีหรือโชคร้ายกันแน่ ที่แม่เคยอยู่บ้านหลัง ที่ติดกับโบสถ์ ตลอดระยะเวลา ที่แม่อยู่ในอังกฤษ และในตอนกลางคืน แม่เห็นพวกนั้น พากันออกมาจากหลุมศพ แม่พูดว่า"โอ พระเจ้า" และพวกเด็กๆก็นั่งอยู่ตรงนี้ สวดอ้อนวอนพระเจ้า และทุกๆอย่าง เอาละ แล้วพวกเขาได้อะไร? ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ศาสนาคริสต์ นิกายโรมันคาทอลิก กําลังเป็นเหตุแห่งหายนะ พวกที่เรียกว่า คริสต์ศาสนิกชนทั้งหลาย . แม่หมายความว่า รากฐานของ ทุกศาสนาได้ถูกกลับตาลปัตร โดยพวกสานุศิษย์ ตอนแรกพระคริสต์คือ ผู้ควบคุมคนตาย ท่านคือ ผู้ดูดซับผลกระทบ จากคนที่ตายไปแล้ว และท่านได้ห้ามไม่ให้พวกเขาไปใน ทุกที่ ที่คุณไป โบสถ์ไหนก็ตาม มีแต่ในอินเดียเท่านั้น ที่พวกเขาไม่ได้ทําแบบนี้ แม่ไม่รู้ว่าพวกเขาทําได้อย่างไร แต่ที่นี่โบสถ์ทุกแห่ง ที่คุณไปมีแต่ศพแขวนอยู่ ตอนนี้ สหจะโยคีเลิกไป โบสถ์แล้ว เพราะพวกเขากลัว เมื่อสหจะโยคี ถูกวิญญาณรบกวน เขาจะรู้ได้ในทันที เขาจะปวดหัว เขาไม่ต้องการไปที่นั่นอีกต่อไป แต่คนที่ไม่ใช่สหจะโยคี ไปโบสถ์ เขาถูกวิญญาณเข้าสิง โดยไม่รู้ตัว ศิษย์ของแม่คนหนึ่ง คุณแม่ของเขาเป็น คาทอลิก เป็นคาทอลิกที่เคร่งครัดมาก และเธอมีปริญญาโท ทางคณิตศาสตร์ และอะไรแบบนั้นเห็นไหม และเป็นคาทอลิกที่แน่วแน่มาก เธอมาหาแม่ และแม่บอกเธอว่า "คุณควรจะเลิกความคลั่งไคล้ การไปโบสถ์ เพราะในโบสถ์ ล้วนเต็มไปด้วย วิญญาณของคนตาย" แต่เธอไม่ฟังแม่ หลังจากนั้นเมื่อเธอแก่ อายุประมาณหกสิบปี พวกเขากลายเป็นคน วิกลจริตไปเลย เธอเริ่มใช้ โถชําระเพื่อขับถ่าย และอะไรทํานองนั้น มีปัญหามากมาย แต่เธอจะตื่นนอน ตอนเช้าวันอาทิตย์ เพื่อเตรียมตัวไปโบสถ์ และกลับจากโบสถ์อย่างเรียบร้อย ทุกๆวันอาทิตย์ เธอจะตื่นมา แต่งตัวให้สวยงาม ไปโบสถ์ และกลับมา ราวกับว่า มีใครมาพาเธอไปที่นั่น และมีใครพาเธอกลับมา แต่มีวันหนึ่งที่เธอหลงทาง และลูกสาวของเธอ โทรแจ้งตํารวจ "จะทํายังไงดี สุภาพสตรีท่านนี้ หลงทาง แม่ของฉันหลงทาง" ลูกสาวกังวลมาก โทรหาแม่ แม่บอกเธอว่า "คุณจะหาเธอพบ เธอไม่เป็นไร แต่เธอจะกลับมา" หลังจากนั้นสามวัน เธอกลับมา จากไหนสักแห่ง พระเจ้าเท่านั้นที่ทราบ เธอกลับมา และเริ่มทํา เหมือนเดิมอีกครั้ง ใช้สิ่งนี้เพื่อสิ่งนั้น และสิ่งนั้นเพื่อสิ่งอื่น และเหมือนคนวิกลจริต เต็มขั้นแต่ตํารวจบอกว่า "ทําอะไรไม่ได้ นอกจากพาเธอ ไปอยู่ในบ้านพักคนชรา ที่วิกลจริต" ดังนั้นลูกสาวจึงพาเธอไปอยู่ ในบ้านพักคนชราแห่งหนึ่ง และมารีคนนี้ ซึ่งเป็นลูกศิษย์ ของแม่เล่าให้แม่ฟังว่า มันน่าแปลกใจที่สุด เพราะคนชราที่นั่นส่วนใหญ่ เป็นคาทอลิก หรือนับถือศาสนาคริสต์ พวกเขาทุกคน วิกลจริตแบบนั้น พวกพยาบาลย่ําแย่ไปตามๆกัน ในการดูแลพวกเขา แต่เมื่อถึงวันอาทิตย์ พวกเขาจะพากันเตรียมพร้อม และไปโบสถ์ที่จัดเตรียมไว้ เพื่อพวกเขาโดยเฉพาะ นึกภาพออกมั้ย?

ดูภาวะที่ถูกครอบงําพวกนี้สิ นี่คือ ภาวะ ที่ถูกครอบงําที่พวกเรามี คุณต้องรู้ว่าสิ่งเหล่านี้ คือการถูกครอบงํา พวกเราไมได้เป็นอิสระชน พวกเราเป็นทาสของสิ่งเหล่านี้ และเมื่อคุณมาถึงด้านนี้ อีกด้านหนึ่งของความเป็นทาส คือนิสัยของเรา ซึ่งทําให้เราตกเป็นทาส มันทําให้เราตก เป็นทาส แม่เคยเห็นคน ครั้งหนึ่งแม่นั่งข้าง รัฐมนตรีคนหนึ่ง และกับรัฐมนตรี ชาวรัสเซีย ผู้ทรงอิทธิพล ทั้งที่เขาเป็นเจ้าภาพของงาน แต่ทันใดนั้นเขาลุกขึ้น ทันใดนั้นเขาลุกขึ้น "โอ ผมต้องไปแล้ว" แม่ถามว่า "เกิดอะไรขึ้น?" เขาตอบว่า "ผมไม่สบายครับ" แม่จึงถามว่า "แล้วคุณเป็นอะไรหรือ?" "ผมเป็นแฟนฟุตบอล และผมไม่สามารถนั่งต่อได้อีกแล้ว เพราะการแข่งขันน่าจะเริ่มแล้ว" ลองนึกดู เขาเป็นเจ้าภาพใหญ่ มีแขกมากมายในงาน แต่เขาไม่สามารถนั่งอยู่ในงานได้ แม่หมายถึง เขาไม่สามารถ ติดกาวตัวเองไว้กับเก้าอี้ได้ เขาต้องการลุกขึ้น และเดิน และไม่รู้ว่าต้องทําอะไร แม่ประหลาดใจที่เขาไม่มี ความสํารวม ไม่มีการควบคุมตัวเอง แม่หมายถึง แม่คิดว่านี่ต้อง เป็นภาวะที่ถูกครอบงําอย่างหนึ่ง ที่มาจากฟุตบอลมาสู่เขา หรือว่ามันเป็นอะไร? แต่ผู้ใหญ่ที่มีวุฒิภาวะ กลับประพฤติตนเช่นนั้น นี่ยังไม่เท่าไร นิสัยอื่นๆ ที่เรามีแย่กว่านี้มาก เลวร้ายกว่ามาก และทําให้เราตกเป็นทาส เราไม่สามารถมีชีวิตอยู่โดย ปราศจากสิ่งเหล่านั้น ทุกอย่างในโลกนี้มีไว้เพื่อเรา เราไม่ได้มีชีวิตอยู่เพื่อสิ่งใด ถ้ามีสิ่งใดทําให้เราตกเป็นทาส เราควรรู้ว่าเราคือ นายของทุกสิ่งทุกอย่าง หากเก้าอี้นี้ นั่งสบาย หรือไม่สบายก็ตาม มันไม่สําคัญ สิ่งสําคัญก็คือ สิ่งนี้ไม่ได้ ทําให้คุณเป็นทาส ไม่ควรมีสิ่งใดทําให้คุณตกเป็นทาส ผู้ที่เป็นกษัตริย์ เป็นจักรพรรดิ์ เป็นทุกข์เป็นร้อนน้อยที่สุด หากคุณพาเขาไปที่ข้างถนน เขาก็จะหลับสบายอยู่ตรงนั้น ไม่ว่าคุณจะพาเขาไปที่ไหน เขาจะมีแต่ความสุขเสมอ นี่คือ จักรพรรดิ์ที่แท้จริง แต่ผู้ที่มิใช่จักรพรรดิ์ ไม่สามารถอยู่ได้ โดยปราศจาก ความสะดวกสบายอย่างที่สุด หากเขาเป็นทาสของความ สะดวกสบาย เขาย่อมมิใช่จักรพรรดิ์ เราสามารถเรียนรู้ เรื่องเหล่านี้ได้ เมื่อศูนย์พลังงานตรงนี้ นาภีจักรตื่นขึ้น เมื่อแสงส่องสว่างไปทั่วบริเวณนี้ ในวอยด์ สีเขียวที่คุณเห็น และสิ่งที่จะเกิดขึ้นทันที ภายใต้แสงนั้น คุณจะมองไม่เห็นอะไร แต่แสงกําลังทํางานอยู่ การรู้แจ้งคือ การที่แสงสว่างลงมือทํา แสงนั้นลงมือทํา คุณนึกภาพออกมั้ย? แสงนั้นกระทําการ บางอย่างในตัวคุณ เรามีนายแพทย์คนหนึ่ง ซึ่งชื่นชอบการดื่มไวน์มาก เขาชอบดื่ม แม่ไม่เคยบอกคุณว่า "ห้ามดื่มของมึนเมา" แม่ไม่เคยพูดแบบนั้น เพราะแม่ไม่ต้องการให้คนวิ่งหนี ไม่ ไม่ ไม่มีอะไรแบบนั้น คุณแค่นั่งให้สบาย และรับการตระหนักรู้ แล้วคุณจะเห็นเอง ชายคนนี้ เลิกดื่ม ของมึนเมาในวันรุ่งขึ้น แต่หลังจากนั้นเขาเดินทาง ไปที่เยอรมัน และคิดว่า "ผมน่าจะลองชิมไวน์ ชนิดพิเศษของที่นั่น" ซึ่งเขาเคยชอบ เขาจึงลองดื่มไวน์นั้น แล้วก็อาเจียน อาเจียน อาเจียน เขาบอกว่ามันเกินจะทน "รสชาติเลวร้ายมาก ผมไม่เคย ดื่มอะไรที่สกปรกแบบนั้นมาก่อน" แม่ไม่เคยบอกเขา แต่มันก็เกิดขึ้น เขาประหยัดเงินจากการเลิกดื่ม เขาสามารถนําเงินนั้นไปซื้อของ เขาเก็บเงินได้ เขาเป็นนกที่มีอิสระเสรี แต่แม่ไม่จําเป็น ต้องบอกคุณเรื่องนี้ เพราะเราเสพติดมัน และคิดว่า เราเป็นส่วนหนึ่งของมัน จนกระทั่ง แม้แต่ถ้าคุณจะบอกว่า "นี่คือสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นจริง ในสหจะโยคะ" คนหลายคนจะปฏิเสธ การคิดว่าเราเป็นส่วนหนึ่ง ของสิ่งผิดๆได้หยั่งรากลึก ในการดํารงอยู่ของเรา หยั่งรากลึกขึ้นไปอีก ในการดํารงอยู่ของเรา การหมกมุ่นในสิ่งต่างๆของเรา ขัดขวางไม่ไห้เราเป็นอิสระอย่างแท้จริง เราอาจมีอิสระทางการเมือง แต่นี่เป็นเรื่องที่ผิวเผินมาก จิตวิญญาณคือ สิ่งเดียวที่เป็นอิสระภายใน เพราะปราศจาก การหมกมุ่น ปราศจากนิสัย จิตวิญญาณ ไม่ยึดติดกับสิ่งใด ปราศจากการยึดมั่นถือมั่นอย่าง สิ้นเชิง และแผ่กระจายความปิติสุขให้กับเรา มันคือ สิ่งที่ทําให้ จิตวิญญาณของเรา สติของเราได้รับการรู้แจ้ง สติที่ได้รับ การรู้แจ้งที่แม่พูดถึง ไม่ใช่สติตามที่เราเข้าใจ ว่า "นี่คือแสง เราเห็นแสงสว่าง" ไม่ใช่อะไรแบบนั้น แต่ด้วยสติ ที่ได้รับการรู้แจ้งนี้ จะทําให้สติรู้ของเรา ได้รับแสงสว่าง เราจึงเริ่มรู้สึกพลังของคนอื่น ในมือของเรา เหมือนกับคนที่นั่งตรงนี้เมื่อวาน คุณคงเห็นแล้ว เมื่อวันก่อน สุภาพบุรุษ คนหนึ่งที่อยู่ที่นี่บอกแม่ว่า "พลังงานของท่าน แตกต่างจากของผม" ไม่มีอะไรแบบนั้น ถ้าคุณมีพลังงานด้านลบ ในระหว่างนี้คุณจะสั่น แน่นอนว่าคุณจะสั่นสักพัก ไม่ต้องสงสัย หากคุณมีพลังงาน ด้านลบมากเกินไป เหมือนครั้งหนึ่ง ในโปรแกรมของเรา มีพวกพราหมณ์บางคน มาร่วมโปรแกรม และพวกเขาต่อต้านแม่อย่างมาก เพราะแม่ไม่ได้อยู่ใน วรรณะพราหมณ์ พวกเขาบอกว่า "เราจะไม่มีโปรแกรมของคุณแม่" แม่ไม่รู้เรื่องพวกนี้มาก่อน พวกเขาไม่เคยบอกแม่ แต่เมื่อพวกเขา มาอยู่ต่อหน้าก็เริ่มสั่นแบบนี้ แม่จึงถามว่า "ทําไมคุณถึงสั่นมากมายขนาดนี้?" พวกเขาตอบว่า "พวกเราเป็น พราหมณ์และเราเข้าใจว่า ท่านคือศักติ พวกเราจึงสั่นแบบนี้" แม่พูดว่า "แต่ทําไมคุณถึงสั่น? ที่นี่ไม่เห็นมีใครสั่นเลย" พวกเขาจึงชี้ไปที่คนอีกสี่คน แล้วบอกว่า "ท่านเห็นไหม พวกเขาก็กําลังสั่นเช่นกัน" แม่จึงพูดว่า "จงไปถามว่า พวกเขามาจากไหน" เขาไปถาม และพบว่าคนเหล่านั้น มาจากโรงพยาบาลโรคจิต แม่พูดว่า "เมื่อเปรียบเทียบแล้ว คุณควรเห็นว่าใครที่กําลังสั่น มีแต่พวกเขา ไม่มีใครอีก" ดังนั้นหากคุณมีพลัง ที่ไม่ดีคุณจะสั่นเล็กน้อย แต่เราควรคิดต่อว่า แล้วมันมีประโยชน์อะไร มีประโยชน์อะไร ที่จะมีพลังนี้ภายในตัวเรา? นี่คือ สิ่งสําคัญมาก เพราะพวกเรา เป็นคนที่มุ่งเน้นประโยชน์ใช้สอย ทุกอย่างต้องมีประโยชน์ ตามที่เป็นอยู่เรามีสิ่งใดบ้าง ที่มีประโยชน์ในโลกนี้? ไม่มี ถ้าเรามีบางอย่าง ที่มีประโยชน์อย่างแท้จริงแล้ว เราจะไม่ตามล่าหาสิ่งอื่นอีกต่อไป แต่ความปรารถนานั้นยังคงมีอยู่ ดังนั้น เราควรสรุปว่า สิ่งใดก็ตามที่เรามีอยู่ ยังไม่ใช่สิ่งสูงสุด ประโยชน์ของสิ่งสูงสุดคือ เพราะเมื่อคุณเข้าสู่สิ่งสูงสุด ทุกอย่างจะกลายเป็นสิ่งสัมพัทธ์ ทุกอย่างจะกลายเป็นสิ่งสัมพัทธ์ สิ่งที่กลายเป็นสิ่งสัมพัทธ์ คือทุกสิ่งที่มีการเปลี่ยนแปลง ทุกอย่างที่เสื่อมสลายได้ ทุกอย่างที่พยายาม สัมพัทธ์ทําให้เราตกเป็นทาส ทุกอย่างที่น่าดึงดูดใจจากภายนอก แต่ภายในคืองูพิษ และเราจะกลายเป็น บุคลิกภาพแห่งการปล่อยวาง (คุณแม่พูดเป็นภาษาฮินดี เหมือนกับมีปัญหาเกิดขึ้น) ตอนนี้ความคิดของเรา ความเข้าใจเกี่ยวกับศาสนา จํากัดเพียงแค่การไปโบสถ์ และสังคมอันจํากัด สมาคมที่จํากัด ทําทุกอย่างเหมือนๆกัน ใส่เสื้อผ้าแบบเดียวกัน ใส่หมวกเหมือนกัน เราคิดว่า เราเป็นของ ศาสนาใดศาสนาหนึ่ง ไม่มีอะไรอย่างนั้น ทั้งหมด คือ สิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น เห็นไหมว่าทั้งหมดคือ สิ่งจอมปลอม ทุกอย่างที่มนุษย์สร้างขึ้น ล้วนเป็นของปลอม คุณรู้ดี พวกเขาเขียนลงไปด้วย เสื้อผ้าทั้งหมดที่มนุษย์ทําขึ้น พวกเขาบอกว่า "วัตถุดิบที่มนุษย์ สร้างขึ้น" จึงไม่ใช่สิ่งที่พระเจ้าสร้าง เราได้สร้างศาสนาของเราเอง และต่อสู้กันเพื่อสิ่งนั้น ทุกศาสนาเกี่ยวข้องกับ ตัวตนภายในของเรา อยู่ภายในการดํารงอยู่ของเรา ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับ เรื่องเหลวไหล ที่เราสร้างขึ้นมาจากศาสนา นี่คือคุณสมบัติของคน เหมือนกับคาร์บอนมีสี่วาเลนซ์ คุณมีเวเลนซ์ทั้งสิบนี่ แล้วถ้าเวเลนซ์เหล่านี้หายไป จะเกิดอะไรขึ้น เนื่องจากในการผสมกันทางเคมี ถ้าหนึ่งวาเลนซ์หายไป มันจะกลายเป็นด้านลบ และเมื่อมันรวมกับตัวอื่น ก็จะมีทั้งวาเลนซ์ ที่เป็นบวกและเป็นลบ ดังนั้น หากคุณมี วาเลนซ์เพิ่มเติมภายใน คุณจะโจมตีคนอื่น แต่ถ้าวาเลนซ์ภายในตัวคุณ ขาดหายไป คุณจะติดจากคนอื่น มันเหมือนกับสิ่งที่เกิดขึ้น ในการผสมกันทางเคมี วาเลนซ์ทั้งหมดในตัวเรามีไว้เพื่อ ให้เราอยู่ในความสมดุล และนี่คือ สิ่งที่วอร์เรนเล่าให้ คุณฟังถึงความหมายของมัน เมื่อคุณได้รับการตระหนักรู้ ธรรมะของคุณ บัญญัติสิบประการภายใน ตัวคุณได้รับแสงสว่าง หมายความว่า คุณได้รับพลังอํานาจ คุณกลายเป็นสิ่งนั้น คุณข้ามพ้นศาสนา คุณไม่จําเป็นต้องปฏิบัติตามศาสนา แต่คุณกลายเป็นศาสนาเสียเอง คุณจะกลายเป็นคนที่มี การบูรณาการภายใน เช่น คนบางคนไม่ควรกินมันฝรั่ง พวกเขาแค่ไม่ชอบมัน ไม่ชอบมันเลย ก่อนการตระหนักรู้ มันจะเป็นไปในทางตรงข้าม ถ้าพวกเขาไม่ควรกินมันฝรั่ง เขาจะยิ่งกินมันฝรั่งมากขึ้น แต่หลังการตระหนักรู้ คุณจะไม่กินมันอีกเลย คุณจะไม่กินมันอีกเลย คุณมีการบูรณาการภายใน การบํารุงเลี้ยงภายใน เต็มไปด้วยแสงสว่าง จนการจัดลําดับความสําคัญ ของเราเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เราเริ่มตัดสิน ทุกอย่างด้วยไวเบรชั่น ตอนนี้เรามีเด็กหญิงเล็กๆ คนหนึ่ง ชื่อโอลิมเปีย เธอกินน้อยมาก ปกติเธอไม่กินอาหารแข็ง แต่ถ้าแม่ให้อาหารอะไรก็ตาม แก่เธอ เธอจะกินจนหมด ไม่ใช่จากคนอื่น แต่ถ้าแม่ให้ เธอจะขอเพิ่มและกินหมด มันน่าแปลกใจมาก เธอเข้าใจพลังไวเบรชั่น ถ้าคุณเข้าใจพลังไวเบรชั่น การดูแลรักษาวาเลนซ์ของคุณ จะเป็นเรื่องง่าย เพราะคุณได้รับพลังอํานาจ ไม่ใช่แค่นั้น แต่คุณยังไม่ชอบอย่างอื่น นอกจากการไหลรินของไวเบรชั่น เมื่อพลังหมุนเวียน จิตวิญญานจะเปล่งประกาย ความปิติยินดีผ่าน ระบบประสาทส่วนกลางของคุณ นี่คือ คุณสมบัติของ จิตวิญญาณของคุณ คุณเริ่มสัมผัสความปิติสุข และเมื่อคุณเริ่ม สัมผัสความปิติสุข คุณจะไม่ต้องการเลิกรา แค่ไม่ต้องการออกจากความปิติ คุณเพียงต้องการจะเบิกบานใจ คุณจึงกลายเป็นความรู้ และสติซึ่งจริงๆแล้ว อยู่ในบริเวณนี้ และค้ําจุนด้วยตับของคุณ จะได้รับแสงสว่าง อย่างที่แม่บอก คุณเมื่อวานนั่งตรงนี้ ถ้าคุณต้องการรู้สึก พลังของใครก็ตาม คุณจะพบคําตอบ เหมือนกับตอนที่แม่เห็น สุภาพบุรุษคนหนึ่ง กําลังนั่งอย่าง เก้ๆกังๆ แม่คิดว่า เขานั่งไม่เรียบร้อย แม่จึงพูดว่า "นั่งให้เรียบร้อย" แต่เมื่อแม่ตั้งสติไปที่เขา แม่รู้ว่าเขาไม่สบาย แม่จึงถามว่า "คุณมีปัญหาอะไรหรือเปล่า?" "ใช่ครับ" แม่บอกเขาว่า "ถ้าอย่างนั้นก็ไม่เป็นไร" ดังนั้นด้วยสติของคุณ คุณจะเข้าใจคนอื่นทันที เขามีปัญหาอะไร คุณสามารถสัมผัสไวเบรชั่น ของคนอื่นทั้งๆที่นั่งอยู่ตรงนี้ เช่นตอนนี้เราสามารถพูดว่า ถ้าไม่มีชาวรัสเซีย - ที่ แม่ควรพูดหรือไม่?

เบรชเนฟ (Brezhnev) ถูกวิญญาณเข้าสิง เขาเป็นผู้ชายที่ถูกวิญญาณเข้าสิง แม่กําลังจะไปประเทศรัสเซีย แม่หวังว่าแม่จะกําจัดวิญญาณ ออกจากเขาได้ เขาเป็นผู้ชายที่ถูกวิญญาณเข้าสิง พวกเขากําลังเกี่ยวข้อง กับจิตศาสตร์อาถรรพ์ ในอเมริกาก็กําลังจะเกิด เรื่องแบบเดียวกัน มันกําลังจะเกิดขึ้นทุกที่ ที่คุณพยายาม จะยุ่งเกี่ยวกับวิญญาณ คนทรงเจ้าเข้าผีและอะไรเหล่านั้น ที่เราเรียกว่า เปรตวิทยา ศมศานวิทยาและทั้งหมด ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าขนพองสยองเกล้า อาจเรียกสิ่งเหล่านี้ ด้วยชื่อหรูหรา เช่น จิตศาสตร์อาถรรพณ์ (การศึกษาปรากฎการณ์ ทางจิตที่อธิบายไม่ได้) เรียกอีกชื่อหนึ่งว่าอะไรนะ? การทําเสน่ห์ และทุกอย่างที่เกี่ยวข้อง ไม่ใช่สิ่งใดนอกจากวิญญาณ ไม่ใช่สิ่งใดนอกจากวิญญาณ คนเหล่านี้ กําลังฝึกใช้ประโยชน์จากวิญญาณ พวกเขาปลุกวิญญาณขึ้นมา และเรียกมันว่าพระจิต คิดดูสิ? การทําเสน่ห์ เป็นสิ่งเลวร้ายอีกอย่างหนึ่ง แม่ไม่รู้ว่า จะบอกคุณเรื่องนี้อย่างไร แต่แม่พูดได้ว่าศาสตร์ทั้งหมด ได้กลายเป็นสิ่งที่ ละเอียดอ่อนจนไม่มีใครรู้ ว่ามันเลวร้าย น่าสยองขวัญ และเป็นพลังของซาตาน ที่ทํางานผ่านเรา และดึงดูดเรา ให้ติดกับดักของวิญญาณ บางคนบอกว่า "คุณแม่ วิญญาณก็มีทั้งดี และไม่ดี" แต่ทําไม ทําไม ทําไม จึงต้องยุ่งเกี่ยวกับคนตาย? คุณไม่รู้ว่าวิญญาณ ดวงไหนดี ดวงไหนเลว คุณจะรู้ได้อย่างไร เหตุใดต้องยุ่งเกี่ยวกับคนตาย คุณต้องอยู่ในปัจจุบัน คุณต้องไม่อยู่ในอดีต เมื่อสิ่งหนึ่งเกิดขึ้น เมื่อคุณสูญเสียวาเลนซ์ คุณจะไปทางฝั่งซ้าย เมื่อคุณไปทางฝั่งขวา คุณอาจเป็นคนที่เข้มงวด ดุดันมาก คุณไม่กินอาหารชนิดนั้น ชนิดนี้ อย่างนั้น อย่างนี้ คุณอาจกลายเป็นคนที่ เต็มไปด้วยอัตตา คุณไปอีกฝั่งหนึ่งที่เรียกว่า จิตเหนือสํานึก จิตเหนือสํานึกส่วนรวม ฝั่งซ้ายคือ จิตใต้สํานึกส่วนรวม และฝั่งขวาคือ จิตเหนือสํานึกส่วนรวม เมื่อแม่เริ่มงานของแม่ แม่ตัดสินใจแล้วว่า จะไม่พูดถึง ภูตผี วิญญาณ แม่พูดว่า "แม่จะจัดการโดย ไม่ยุ่งเกี่ยวกับมัน" มันเป็นไปไม่ได้ สามปีแล้ว ที่แม่ไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้ แม่ไม่พูดถึงเทพ แม่ไม่ได้พูดเกี่ยวกับอะไรเลย เป็นเวลาสามปีที่แม่ทําได้ แต่มีสุภาพสตรีคนหนึ่ง ในกลุ่มพวกเรา ที่ฝึก เรื่องเหล่านั้น และเธอเข้าสิงคนมากมาย มีคนนับพันที่ไปหาเธอ เธอสามารถบอกได้ว่า ม้าตัวไหนจะมาถึงก่อน เงินหายไปไหน เรื่องอะไรแบบนั้น เคยมีคนนับพัน มารวมตัวกันเพื่อมาฟังเธอ ที่นี่เรามีคนไม่มาก แต่ปล่อยให้พวกตันตริกะเข้ามา คุณจะไม่สามารถ ควบคุมคนที่เข้ามา สิ่งนี้จะกลายเป็นเงื่อนไข ที่มากับคนชั่วร้ายเหล่านั้น ที่เข้ามาในกลุ่ม และสุภาพสตรีคนนี้ ทําให้แม่ต้องพูดถึงเรื่องเหล่านี้ และนี่คือสิ่งที่เป็นอยู่ พวกมันมีอยู่ ดังนั้น การไปฝั่งซ้ายหรือฝั่งขวา คือการพาตัวเองเข้าสู่ปัญหา เพราะคุณก้าวไปสู่ ดินแดนที่ไม่มีใครรู้จัก มันอันตรายอย่างยิ่ง อันตรายมาก ขอให้รู้ไว้ว่าโรคมะเร็ง เกิดจากความไม่สมดุลในฝั่งซ้าย แม่ยังไม่เคยเห็นผู้ป่วย โรคมะเร็งคนไหน ที่ไม่มีประสบการณ์ดังกล่าว เช่น คุรุที่ผิดทั้งหลาย หรือการเข้าเป็นสมาชิกกลุ่ม ที่นําโดยคนชั่วร้ายเหล่านี้ หรือการอ่านหนังสือ ที่มีพลังด้านลบในฝั่งซ้าย เช่น เขาชื่ออะไรนะ รัมปา สัมปา (Rampa Sampa) และทั้งหมดที่เรียกตนเองว่า เป็นผู้นับถือศาสนาพุทธ อย่างใดอย่างหนึ่งนี้ สามารถเป็นสาเหตุของมะเร็งได้ และเร็วๆนี้แม่ดูภาพยนต์ ที่ดีมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ ฉายทางโทรทัศน์ที่นี่ โทรทัศน์ของอังกฤษ มันแสดงให้เห็นว่า นายแพทย์กลุ่มหนึ่ง ทําการค้นคว้าวิจัย และพวกเขาพบว่า โปรตีนบางตัวกระตุ้นให้เกิดมะเร็ง ซึ่งพวกเขาตระหนักได้ พวกเขาเรียกมันว่า 52 -โปรตีน52 58 นี่คือชื่อที่พวกเขาตั้งให้มัน 58 แต่พวกเขาตระหนักว่า โปรตีนเหล่านี้ มาจากพื้นที่ภายในตัวเราที่มีมา ตั้งแต่ตอนที่มนุษย์ถูกสร้างขึ้น มันจึงเป็นจิตใต้สํานึกระดับกลุ่ม พวกเขายังบันทึกภาพไว้ด้วย แม่จะบอกว่าสิ่งที่ แม่เคยพูดไว้เมื่อสิบปีก่อน คือสิ่งที่พวกเขา กําลังพูดถึงในตอนนี้ แต่พวกเขาไปถึงจุดหนึ่ง พวกเขาต้องก้าวข้ามขีดจํากัด พวกเขาต้องได้รับการรู้แจ้ง และเพราะพวกหมอเองก็ไม่ สามารถไปถึงบริเวณนั้น พวกเขาไม่สามารถรักษามะเร็ง อย่างมากทําได้เพียงหยุดการแพร่กระจาย พวกเขาอาจพยายามลดโอกาส ที่จะเกิดมะเร็ง และอะไรพวกนั้น แต่ไม่สามารถ รักษามะเร็งได้อย่างสมบูรณ์ เพราะพวกเขา ไม่สามารถนําพาคนไข้ ออกจากบริเวณนั้น ได้ด้วยประการทั้งปวง คนไข้สามารถ เป็นมะเร็งอีกได้ทุกเมื่อ หากบริเวณนั้น ถูกสร้างขึ้นเช่นนั้น มันน่าสนใจมากที่ได้เห็นว่า สิ่งเหล่านี้ถือกําเนิด ในตัวเราได้อย่างไร ศูนย์พลังนี้ เป็นศูนย์พลังที่สําคัญที่สุดศูนย์หนึ่ง เพราะมันมอบการแสวงหาให้กับเรา และการแสวงหาที่บริสุทธิ์ของเรา ควรเป็นไปเพื่อจิตวิญญาณ มิใช่สิ่งอื่นใด แต่คนที่หลงเดินทางผิด ทั้งหมดที่คุณเห็น ในตัวคนเหล่านั้น ที่หมอบกราบ ศิโรราบให้กับคนผิดๆ พวกเขาทําให้เกิด ส่วนนูนขึ้นบนศีรษะ ซึ่งตรงนี้ประกอบด้วย ศูนย์พลังทั้งสิบเอ็ดที่ก่อตัวขึ้น คล้ายกับสันเขา และนี่คือ ศูนย์พลังทั้งสิบเอ็ดที่เรียกว่า เอกาทศะรุทระ ที่รับผิดชอบการทําลายล้าง การทําลายล้างขั้นสุดท้าย กัลกีหรือที่คุณเรียกว่ามาเตรยะ หรือพระคริสต์ผู้กําลังมา บนหลังม้าสีขาว เมื่อสันเขานี้เริ่มก่อตัว มันจะขยายตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ การทําลายล้างก็ใกล้เข้ามาทุกที แม่ต้องบอกว่า หลายคน เกิดความคิดจากจิตไร้สํานึก แม่เคยเห็นพวกเขา วาดภาพ หรือแสดงรูปภาพ ที่มีคนที่ชั่วร้ายน่ากลัวมาก และมีสิ่งน่าสะพรึงกลัวปะทุขึ้น แม่ไม่รู้ว่าเขาไปได้ความคิดนี้ มาจากไหน แต่มันคือความจริง ตอนนี้ พลังทําลายล้าง กําลังกระทําการ พวกมันกําลังแสดงผลแห่งพลัง เราจะต้องระมัดระวังอย่างยิ่ง เราอยู่ในตําแหน่งที่ หมิ่นเหม่ต่ออันตราย ก่อนหน้านี้หากเราไปฝั่งซ้าย หรือขวามากเกินไป เราก็ไม่ได้รับอันตรายมากนัก และคนก็ไม่ค่อยใส่ใจเท่าไร แต่วันนี้คุณอยู่ในตําแหน่งที่ หมิ่นเหม่ต่ออันตรายอย่างมาก และคุณยังอ่อนไหว และถูกทําลายได้ง่าย จนคุณต้องระมัดระวังอย่างยิ่ง อัตราการทําลายล้างรวดเร็วมาก อัตราการสร้างจึงต้องเร็วยิ่งกว่า แต่ที่คุณเห็นแม่หมายความว่า ที่แม่เห็น การสร้างคืออะไร? ไม่มีการสร้างสิ่งใด อ่านข่าวในหนังสือพิมพ์ ตั้งแต่เช้าจรดค่ํา ข่าวดีมีเพียงข่าวเดียว คือเจ้าหญิงมีพระประสูติการ พระโอรสผู้งดงาม ข่าวที่เหลือล้วนแต่น่าเขย่าขวัญ คุณขอให้พวกเขาตีพิมพ์เรื่องดีๆ แม่บอกให้พวกเขาตีพิมพ์ เรื่องของสหจะโยคะ พวกเขาไม่สนใจ พวกเขาสนใจ แต่เรื่องเคราะห์ร้าย อุบัติเหตุ คนตาย คนถูกฆ่า พวกเขาต้องการลงรูป ว่าคนพวกนี้ตายอย่างไร เกิดสงครามอะไรขึ้นบ้าง นี่และนั่น พวกเขาไม่มีเวลาสําหรับข่าวดี พวกเขาไม่ต้องการข่าวสาร ที่ดีงาม ให้ความหวัง ตามที่คุณเห็นว่าองค์กร ทุกวันนี้เป็นอย่างไร พวกเขาสร้างองค์กรที่ เต็มไปด้วยอัตตาขึ้นมาอย่างไร ไม่ยกเว้นแม้แต่ องค์กรเพื่อการกุศล ก็ไม่ใช่สิ่งใดนอกจาก เต็มไปด้วยอัตตา แม่เองเคยอยู่ในองค์กร แบบนั้นหลายแห่ง และทํางานร่วมกับพวกเขา แม่ประหลาดใจมาก ที่คนเหล่านี้ไม่มีกุศลจิต กุศลจิตคือความเมตตา ที่ควรจะไหลรินจากตัวคุณ แต่นี่มีแต่การปิดบังอําพราง เพื่อได้มาซึ่งตําแหน่ง หรือสถานะที่เหนือกว่า เรื่องเหลวไหลยังคงดําเนินต่อไป คนที่มีจิตกุศลแท้จริงแล้วคือ คนที่ไหลริน ใครคือคนที่เรา จะแสดงความใจบุญด้วย หากพวกเขาล้วนเป็นส่วนหนึ่งของแม่ แล้วแม่จะแสดงความใจบุญกับใคร? ถ้านิ้วนี้เจ็บ แม่จะแสดงความใจบุญ ต่อนิ้วนี้หรือ? แม่ต้องดูแลนิ้วนี้อย่างแน่นอน เพราะมันทําให้แม่เจ็บ แม่ต้องถูมัน หรืออะไรก็แล้วแต่ที่จําเป็น แม่ต้องทํา และนี่คือสิ่งที่คนไม่เข้าใจ สิ่งหลอกลวงเหล่านี้ ของเราจะต้องล่มสลายลงในวันหนึ่ง และเราจะพบว่า เราได้ใช้ พลังงานไปอย่างสูญเปล่า กับเรื่องเล็กน้อยมากๆ แท้จริงแล้วพลังแห่ง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ปกคลุมไปทั่ว กระทําทุกอย่าง เราไม่ได้ทําสิ่งใดทั้งสิ้น เชื่อแม่ เราไม่ได้ทําสิ่งใดทั้งสิ้น ตอนนี้ มีดอกไม้มากเท่าไร ที่กลายเป็นผลไม้? ใครเป็นคนทําสิ่งนี้ ตอนนี้ มีเมล็ดพันธุ์ มากเท่าไรที่แตกหน่อ? ใครเป็นคนทําทั้งหมดนี่ มีทารกลืมตาดูโลก กี่คนแล้วในขณะนี้? สิ่งแปลกปลอม ไม่สามารถอยู่ในร่างกายคน ไม่มีสิ่งแปลกปลอม ร่างกายจะพยายาม ขับสิ่งแปลกปลอมออกไปเสมอ แต่ถ้าเป็นตัวอ่อนในครรภ์ ร่างกายไม่เพียงแต่จะเก็บมันไว้ ยังประคับประคอง หล่อเลี้ยง ดูแล ทําให้เติบโต และเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ก็จะคลอดออกมา ใครทําสิ่งนี้?

เราคิดว่าทั้งหมดนี้คือของตาย ไม่เคยตระหนักถึงคุณค่า ยกตัวอย่างเช่น ดวงตาของเรา หากเราเป็นหมอ เราจะเห็นว่าสิ่งที่สลับซับซ้อนนี้ ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นดวงตาของเรา เรามองเห็นผู้คนผ่านดวงตานี้ ใครเป็นผู้สร้างสิ่งนี้ขึ้นมา? เราหรือเปล่า? เราสามารถสร้างดวงตาขึ้นมา แม้แต่ข้างเดียวหรือไม่? เราพบว่ามีดวงตาหลายแบบ ที่เป็นความเมตตาของ พระผู้เป็นเจ้า นี่คือพลังของพระเจ้า ที่แผ่ไพศาลไปทั่ว ครั้งแรกที่คุณได้รับ การตระหนักรู้ครั้งแรก คุณรู้สึกถึงความเมตตา คุณสัมผัสพลังไวเบรชั่น คุณรู้สึกถึงพลังของพระเจ้า ที่แผ่ไพศาลไปทั่ว ตอนนี้คุณสามารถตระหนักว่า พลังของพระเจ้ามีอยู่จริง และคุณยังได้เห็น การใช้กลยุทธ์ของพลังนี้ คุณทําได้ คุณทําได้ จงใช้มัน อย่างที่แม่บอกว่า คุณคือเครื่องมือ คุณคือผู้เชี่ยวชาญ คุณเพียงแต่ต้องกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญ จงรับเอาพลังนี้ แม่หวังว่าวอร์เรนได้เล่าให้ คุณฟังว่า เขามาหาแม่อย่างไร แม่ไม่รู้ว่า เขาเล่าให้คุณฟังหรือยัง เขามาเพียงเพราะโทรศัพท์ เขามีเบอร์โทรศัพท์ของแม่ และคนที่ส่งเขามาสร้างภาพ เกี่ยวกับแม่เสียใหญ่โต ว่าแม่เข้าพบยาก นั่นนี่ ไร้สาระทั้งนั้น แม่เป็นคนที่เข้าพบง่ายที่สุด เขาแค่บอกให้วอร์เรนโทรหาแม่ และแม่ก็พูดว่า ”มาสิ” เขามาที่บ้านของแม่ เขาได้รับการรู้แจ้ง และตอนนี้เขาได้เปลี่ยนแปลงคน มากมายในออสเตรเลีย เรามีอาศรม ในเจ็ดเมืองในออสเตรเลีย แม่ต้องบอกว่า อังกฤษเป็นประเทศที่เฉื่อยชาที่สุด ตอนนี้เจ็ดเมืองในออสเตรเลีย พร้อมแล้วที่จะได้รับมัน มีคนมากมายที่กําลังทํางานนี้อยู่ เพราะเมื่อคุณได้รับแสงสว่าง คุณจะส่งต่อให้คนอื่น ตอนนี้เรามาพูดถึง อีกศูนย์พลังหนึ่งที่อยู่เหนือศูนย์พลังนี้ คือศูนย์พลังแห่ง พระมารดาแห่งจักรวาล พระบิดาสถิตอยู่ที่จักรนี้ จักรก่อนหน้านี้ จักรนาภี เคลื่อนขึ้นมา และลงมาสถิตอยู่ ในด้านขวา นี่คือ ความเป็นพ่อ สุภาพบุรุษเมื่อวานบอกแม่ว่า เขามีปัญหาโรคหอบหืด แม่ไม่รู้ว่าวันนี้เขากลับมา หรือไม่ เขาอยู่ที่นี่หรือเปล่า? เขาอยู่ ดี เอาละ สุภาพบุรุษคนนี้เป็น โรคหอบหืด แน่นอนว่าแม่บอกว่าเขามีปัญหา เพราะการอาบน้ํา มากเกินไปของคนอินเดีย คนอินเดีย พวกเราอาบน้ํา บ่อยเกินไปนอกจากนี้ มันมาจากความโศกเศร้ากับพ่อ พ่อของเขาเสียชีวิต และตัวท่านเอง ก็ไม่อยากจากเขาไป ท่านเป็นห่วงเขา มันเกิดขึ้นกับใครก็ได้ ถ้าผู้ชายใจร้ายกับลูกชายของเขา นี่คือหลักการแห่งความเป็นพ่อ หากลูกชายไม่ดีกับพ่อ ทําให้พ่อเสียใจ นี่คือหลักการแห่งความเป็นพ่อ หากถูกรบกวนด้วยอะไรก็ตาม หรือถ้าพ่อของคุณเสียชีวิต กะทันหัน และคุณก็เสียใจกับเรื่องนี้ ไปตลอดชีวิต ทั้งหมดส่งผลต่อตรงนี้ และจักรหัวใจขวาของคุณจะติดขัด ทําให้คุณเป็นโรคหอบหืด ใน โฮมีโอพาธี (Homeopathy) พวกเขาเชื่อว่ามาจาก ความเครียด และความกดดัน เพราะเมื่อคุณเครียดและกดดัน คุณจะยิ่งคิดถึงพ่อของคุณ หากพ่อยังอยู่ตรงนี้ พ่อต้องช่วยคุณแน่ และบางครั้งมันแก้ไขได้ ในระดับจิตใต้สํานึก และนี่ยิ่งเพิ่มปัญหาขึ้นไปอีก การแก้ไขทําได้ง่ายดาย จนคุณจะต้องแปลกใจ คุณเพียงแต่ต้องกระตุ้น หลักการแห่งความเป็นพ่อของคนนั้น ผู้อาจเป็นพ่อที่เศร้าหมอง ผู้อาจเป็นพ่อที่โหดร้าย ผู้อาจเป็นลูกที่เสียพ่อไป อาจเป็นอะไรก็ตาม คุณแค่เอามือวางตรงนั้น และท่องมนต์ สวดมนต์ ซึ่งจะช่วยกระตุ้น หรือปลุกความเป็นพ่อ ให้เบ่งบานเต็มที่ แล้วคุณจะหาย มันง่ายมาก หัวใจกลางปกครองโดย พระมารดาแห่งจักรวาล ท่านมอบความรู้สึก มั่นคงปลอดภัยให้เรา เมื่อคุณมีอายุสิบสองปี กระดูกตรงหน้านี้ เริ่มปลดปล่อยภูมิคุ้มกัน มันสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นภายใน ร่างกายจนถึงอายุสิบสองปี และภูมิคุ้มกันเหล่านี้ จะเหมือนกับเหล่าทหาร ของพระมารดาแห่งจักรวาล เราเรียกท่านว่า จะกะดัมบาในภาษาสันสกฤต พวกมันจะแพร่กระจายไปทั่วร่างกาย ไม่ว่าตรงไหนที่ถูกโจมตี พวกมันจะบอก กันและกันและต่อสู้กับโรค ภูมิคุ้มกันเหล่านี้ ถูกสร้างขึ้นในกระดูกสันอก (Sternum bone) ตรงส่วนหน้าของ กระดูกซี่โครง บริเวณที่ซี่โครงมาบรรจบกัน บริเวณช่องอก ส่วนนั้น (Thoracic) พวกมันอยู่ตรงนี้ ถูกสร้างขึ้นจนถึงอายุสิบสองปี แล้วเกิดอะไรขึ้นในพวกสุภาพสตรี พวกเธอเป็นแม่เช่นกัน เมื่อความเป็นแม่ถูกท้าทาย พวกเธอจะมีปัญหา เช่นสมมุติว่าสามีของเธอเจ้าชู้ เขามีสายตาสอดส่ายมองผู้หญิง อะไรแบบนั้น เธอจึงรู้สึกไม่ปลอดภัย ดังนั้นความเป็นแม่ถูกท้าทาย เมื่อมันถูกท้าทาย เธอจึงมีปัญหาตรงนี้ เธอมีปัญหาโรคเกี่ยวกับทรวงอก มะเร็งเต้านมและทั้งหมด เกิดจากความรู้สึก ไม่มั่นคงปลอดภัยของผู้หญิง ถ้าผู้หญิงรู้สึกไม่ปลอดภัย จากสาเหตุใดก็ตาม เธอจะเป็นมะเร็งเต้านม มีผู้หญิงคนหนึ่ง เธอแต่งงานแล้ว เธอแต่งงานกับสามีที่เป็นคาทอลิก มันเป็นการแต่งงานข้ามศาสนา และญาติฝ่ายชายพยายาม สร้างปัญหาให้เธออย่างมาก เป็นเรื่องธรรมดาในอินเดีย แต่ที่นี่แม่ก็เห็นเหมือนกัน พวกเขาพยายามจะพูด อย่างนั้นอย่างนี้ กับเธอ กับพ่อแม่ของเธอ และอะไรทํานองนั้น เธอจึงสะสม ความไม่มั่นคงปลอดภัยในหัวใจ เธอจึงเป็นมะเร็งเต้านม เมื่อเราโหดร้ายกับคนอื่น เราไม่รู้ว่า เรากําลังทําให้เขาเป็นมะเร็ง เราจะต้องเสียอะไรเพื่อที่จะดี กับเด็กผู้หญิงที่แต่งงาน เข้ามาในครอบครัวเรา ผู้ที่มาเป็นสมาชิกใหม่? เราเป็นผู้เชี่ยวชาญการพูด ให้คนอื่นเจ็บปวด เราเรียนรู้ ตั้งแต่วัยเด็กว่าจะพูดยังไง ให้คนอื่นเจ็บปวดมากๆ การทําให้คนอื่นเจ็บปวดคือ การให้โรคมะเร็งแก่พวกเขา แต่คุณจะตระหนักถึงสิ่งนี้ เมื่อคุณได้การตระหนักรู้แล้วเท่านั้น เมื่อนั้น คุณจะเข้าใจอย่างแท้จริง ว่าคนๆนั้นทรมานแค่ไหน เพราะคุณรู้สึก เจ็บปวดเล็กน้อยตรงนั้นเช่นกัน การพูดจาของคุณ พฤติกรรมของคุณ ในการสื่อสารกับคนอื่น จะเปลี่ยนแปลงโดยสิ้นเชิง จักรนี้สําคัญมาก ด้านซ้ายคือฝั่งของแม่ และถ้าความเป็นแม่นั้น ถ้าแม่วิกลจริต คุณจะมีปัญหาตรงนี้ คุณอาจมีปัญหา เราเรียกมันว่าหัวใจ มีหัวใจสองดวง ดวงที่หนึ่งคือหัวใจแห่งจิตวิญญาณ และอีกดวงคือจักรหัวใจ ถ้าแม่เป็นผู้คลั่งไคล้ เธอเป็นคนที่คลั่งไคล้ เกี่ยวกับอาหารมาก อะไรแบบนั้น ลูกๆจะมีปัญหาตรงนี้ มันอันตรายมาก ที่จะเล่นกับเด็กอย่างนั้น การฝึกวินัยเด็กอย่างเข้มงวด ฝึกเขาให้ "ต้องเดินตรงราวกับม้า ยกของสองชิ้นและ" เด็กๆควรได้รับอนุญาตให้มีเสรีภาพ จริงๆแล้วถ้าเรา กดขี่เด็กๆมากเกินไป พวกเขาจะกลายเป็นเด็กอันธพาล เรื่องนี้คนอินเดียจะอบรมลูกได้ดีกว่า พวกเขารู้ว่า จะอบรมดูแลลูกๆอย่างไร พวกเขาปล่อย ให้ลูกๆมีเสรีภาพเต็มที่ เพียงสอนเขาเรื่องความ มีเกียรติและความสง่างาม และเมื่อเด็กๆ เป็นอิสระเมื่ออยู่กับพ่อแม่ เมื่อพวกเขาอายุสักสี่หรือห้าขวบ จะกลายเป็นคนมีเกียรติ และสง่างามอย่างยิ่ง แม่เห็นเด็กบางคนพูดบางคําเช่น "ออกไป ไปให้พ้น" เขาเรียนรู้คํานี้จากไหน? จากพ่อแม่ หรือจากเพื่อน เขาต้องเรียนรู้จากใครสักคน เพราะโดยปกติ เด็กๆจะไม่พูดคําพวกนี้ "ไสหัวไป" แม่เคยเห็นเด็กเล็กๆพูดคํานี้ "ไสหัวไป" แม่หมายความว่า มันมากเกินไปที่จะพูดกับใคร แต่มันก็เกิดขึ้น เพราะเราไม่เข้าใจ เราควรพูดอย่างไร ต่อหน้าเด็กๆ จะต้องเหมาะสม เราอาจจะหยาบคาย มาก ไม่สําคัญ เราอาจเป็นคนเลวร้ายที่สุด แม้แต่พวกโจร ยังรู้เลยว่าต้องทําตัวให้เหมาะสม ต่อหน้าลูกๆของเขา ไม่อย่างนั้นเด็กจะเป็นโจรตามเขา แม้แต่โสเภณี แม้แต่โสเภณียังเข้าใจว่า เธอไม่ควรมีพฤติกรรม ที่ทําให้เด็ก เอาเยี่ยงอย่างเป็นโสเภณี นี่คือสามัญสํานึก ว่าเด็กๆจะเลียนแบบ สิ่งที่เราทําอย่างง่ายดาย ดังนั้นไม่ว่าคุณต้องการ จะมอบอะไรให้กับพวกเขา อะไรก็ตามที่ คุณต้องการปลูกฝังพวกเขา คือสิ่งที่คุณควรประพฤติ เมื่ออยู่ต่อหน้าเด็ก แต่ตอนนี้ ในสังคมทุกวันนี้ คนมักไม่ ใส่ใจลูกๆของเขาเลย พวกเขาช่าง แม่หมายถึง พวกสาวๆยังคง พวกแม่ๆ ยังคงทําตัวเหมือนเจ้าสาว วุ่นวายกับการหาสามีใหม่ สามียังคงทําตัว เหมือนเจ้าบ่าวหาภรรยาใหม่ ส่วนลูกๆช่างน่าสงสาร ไม่รู้ว่าจะหันไปทางไหน พระเจ้าเท่านั้นที่ทรงรู้ว่า พวกเขาจะจบชีวิตที่ สถานเลี้ยงเด็กกําพร้าใด แม้แต่อุตสาหกรรมก็เช่นเดียวกัน เมื่อวานแม่ต้องการ ซื้อชุดผ้าฝ้ายแท้ ให้เด็กเล็กๆ แต่หาซื้อไม่ได้เลย ไม่มีแม้แต่ชุดเดียว ทั้งเดอร์บี้ไชร์ ในลอนดอนก็เหมือนกัน เผื่อคุณอยากรู้ ที่เป็นผ้าฝ้ายแท้ แม่หมายความว่า เราไม่คิดว่าเด็กๆ ไม่สามารถทนกับ เส้นใยสังเคราะห์ที่มนุษย์ผลิต มันอันตรายมาก มันเลวร้ายต่อผิวเด็ก ตอนที่คุณเป็นเด็กคุณก็ใช้ผ้าฝ้าย เรามีโรงปั่นฝ้ายที่นี่ แล้วทําไมถึงให้ลูกๆของคุณ ใส่เสื้อผ้าแย่ๆแบบนั้น ที่คุณเองก็ไม่เคยใส่? เมื่อพวกเขาโตเท่าคุณ เขาจะมีเม็ดพุพองบนผิวหน้า แม่ไม่รู้ว่า เขาจะเป็นโรคผิวหนังอะไร ไม่มีใครตระหนักว่ามันเป็น ชนิดเดียวกับกางเกงในที่คุณใช้ สิ่งต่างๆที่คุณให้พวกเขาใช้ มันอันตรายมาก แม่ไม่รู้ว่า จะเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา สิ่งที่พวกเขาใช้ ตอนคุณเป็นเด็ก คุณไม่เคยใช้มัน เชื่อแม่ และนี่คือเวลาที่พวกเขาต้องการ ความใส่ใจอย่างยิ่ง และนี่คือเวลา ที่พวกเขา ได้รับความทรมานอย่างสาหัส แม้แต่อุตสาหกรรมก็ไม่ใส่ใจพวกเขา ทําไมถึงไม่ผลิตเสื้อผ้าฝ้ายแท้ สําหรับเด็กเล็ก? อันที่จริง แม่ต้องบอกว่ารัฐบาล ต้องออกกฏหมายว่าด้วย "การไม่อนุญาตให้ผลิตเสื้อผ้าเด็ก จากวัสดุสังเคราะห์" ผู้ไหญ่สามารถใส่ได้ ไม่เป็นไร แต่กับเด็กเล็ก คุณไม่สามารถให้พวกเขา สวมใส่ระเบิดปรมาณู มันเกินไป และในยุคสมัยใหม่นี้ แม่คิดว่ามันโหดร้ายกับเด็กที่สุด เด็กจํานวนน้อยมาก จึงต้องการมาเกิด ในประเทศที่ก้าวหน้าเหล่านี้ อินเดียจึงต้องรับภาระหนัก ถ้าคุณใจร้ายกับเด็กๆ คิดดูสิ เด็กสองคน ถูกฆ่าโดยพ่อแม่ของตัวเอง เรามีสังคมประเภทไหนกัน? ทุกสัปดาห์ในลอนดอนซิตี้ แม่เคยคิดว่าในอังกฤษ แต่พวกเขาบอกแม่ว่าในลอนดอนซิตี้ เด็กสองคนถูกฆ่า โดยพ่อแม่ของตัวเอง และแม่ไม่เคยได้ยินอะไรแบบนั้น แม้แต่กรณีเดียวในอินเดีย ด้วยความโหดร้ายที่มีต่อเด็กๆ แม่ไม่รู้ว่า พวกผู้หญิงจะทําอะไรอยู่ ที่ไหนที่พวกเธอจะนําเอารูปร่าง และความสวย และทุกอย่างต่อหน้าพระเจ้า?

ความโหดร้ายเกิดขึ้น การเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง และด้วยประการทั้งปวงเด็กๆ ต้องต่อสู้ดิ้นรนและมีอัตรา การเต้นของหัวใจเร็ว หรือไม่สม่ําเสมอ พวกเขามีหัวใจที่อ่อนแอ พวกเขาอยู่ในการดูแลของคุณ ที่พระเจ้ามอบให้คุณ คุณควรขอบคุณที่พระองค์ ได้มอบเด็กๆที่งดงามให้กับคุณ พวกเขาไม่ใช่ส่วนเกินของคุณ มันคือพรจากพระเจ้าที่คุณได้มีลูก ถ้าผู้หญิงในอินเดียไม่มีลูก เธอจะไปร้องไห้ อ้อนวอนพระเจ้าทุกองค์ และทุกศาสดาและทุกคนเพื่อขอลูก ในขณะที่ตอนนี้ในเยอรมันมี อัตราการเพิ่ม ของประชากรเท่ากับลบ 5 พวกเขาจ่ายเงิน ให้ผู้หญิงที่มีลูกห้าคน มากเท่ากับนายกรัฐมนตรี หรือมากกว่าด้วยซ้ํา แต่ผู้หญิงก็ยังไม่ยอมมีลูก บอกว่า "เดี๋ยวรูปร่างฉันจะเสีย" เธอจะเอารูปร่างไปไหน แม่ไม่เข้าใจ รูปร่างนี้มีเพื่ออะไร และใครสนใจรูปร่างของคุณ ทําไมๆๆ เราถึง ทําตัวเองให้มีราคาถูก? เราเป็นแม่ และควรภูมิใจ ในความเป็นแม่ ความเป็นแม่คือสิ่งสูงสุด ที่ผู้หญิงจะบรรลุถึง แม่บรรลุถึงสิ่งนี้ เพราะแม่เป็นแม่ของคนนับพัน และแม่คิดว่า นี่คือสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ที่สามารถเกิดกับผู้หญิง นั่นคือการเป็นแม่คน และการเป็นทั้งแม่และครู คุณพอจะ เข้าใจสถาณการณ์ของแม่หรือไม่? มันแย่กว่ามาก ที่คุณจะต้องบอกลูกของคุณ ว่าต้องทําอะไร และคุณก็รักพวกเขามาก จนไม่ต้องการจะพูดออกมา คุณจึงต้องใช้เล่ห์กล เล็กๆน้อยๆที่อ่อนหวานบ้าง เพื่อขัดเกลาพวกเขา มันคืองานที่น่าสนใจ และชีวิตที่งดงาม การจะเป็นแม่ เราควรเป็นแม่ที่ภูมิใจในตนเอง แต่แม่ต้องบอกว่า นี่ก็ต้องโทษพวกผู้ชายด้วย เพราะพวกเขาไม่สนใจ ภรรยาซึ่งเป็นแม่ของลูก พวกเขาสนใจแต่ เด็กสาวๆ ยิ่งสาวเท่าไรยิ่งดี แม่จะบอกว่านี่คือ สัญญาณแห่งความวิปริต นี่คือสัญญาณ แห่งความวิปริตอย่างสมบูรณ์ ในยุคของโมฮัมหมัด ซาฮิบ มีผู้หญิงจํานวนมากแต่ ผู้ชายเหลือน้อย เพราะถูกฆ่าไปมากมาย โมฮัมหมัดซาฮิบ จึงไม่ทราบว่าควรทําอย่างไร ท่านจึงคิดว่าพวกเขารู้จัก ปฏิบัติตามความเหมาะสม อย่างที่แม่บอกคุณ เมื่อวานว่าในสภาพสังคมเช่นนั้น คนต้องปฏิบัติตามความเหมาะสม ดังนั้นท่านจึงกล่าวว่า เอาละ เราจําต้องมีการแต่งงานเพราะ หากไม่มีการแต่งงานความสัมพันธ์ ทั้งหมดจะไม่ถูกทํานองคลองธรรม จะต่อต้านเวเลนซ์ ท่านจึงกล่าวว่า "เราต้องมีการแต่งงาน เอาละ ตอนนี้เรามีผู้หญิงมาก เราจึงต้องกระจายพวกผู้หญิง ให้สอดคล้องกับ จํานวนผู้ชายที่เรามี ถ้าเรามีผู้ชายมากกว่าผู้หญิง เราก็จะต้องทําตรงข้าม แต่เราต้องแต่งงาน ซึ่งหมายถึงเราต้องยอมรับ การอนุมัติจากส่วนรวม การอนุมัติจากส่วนรวม จะต้องมีเพื่อได้รับพร ท่านจึงกล่าวว่า "ผู้ชายสามารถมีภรรยาได้ห้าคน." แต่สําหรับท่านเอง กลับต้องแปลกใจ เพราะคนในสมัยนั้น มีความละเอียดอ่อนมากจน ไม่สามารถแต่งงานกับเด็กสาวๆได้ พวกชายสูงอายุ ไม่สามารถแต่งงานกับเด็กสาวๆได้ พวกเขาบอกว่า "พวกเราจะแต่งงาน กับพวกเด็กสาวได้อย่างไร?" เห็นไหม ท่านตอบว่า "เอาละงั้นข้าพเจ้าจะรับ เด็กสาวหนึ่งคนเป็นภรรยา เพราะไม่อย่างนั้น เด็กสาวพวกนี้จะไปที่ไหน ไม่มีชายหนุ่มเหลือแล้ว แล้วจะทําอย่างไร? แต่ทุกวันนี้ถ้าคุณลองไปถาม ชายแก่อายุแปดสิบ เขาเต็มใจอย่างยิ่งที่จะแต่งงาน กับเด็กสาวอายุสิบแปด แม่เรียกเขาว่าคนแก่โง่เขลา เพราะเขาไม่เข้าใจ เขาไม่เข้าใจว่าเด็กสาวคนนี้ จะไม่เคารพเขาในฐานะสามี เขาไม่สามารถยินดี กับชีวิตในฐานะสามี เขาเป็นปู่ หรือแม้แต่ทวด เขาควรทําตัวให้สมกับเป็นทวด ซึ่งเป็นความสัมพันธ์ที่เหมาะสม ที่เขาควรจะมีกับเด็กสาว ทุกวันนี้อุดมคติทั้งหมดสับสน ในเรื่องความสัมพันธ์ ระหว่างเรากับคนอื่น ผู้หญิงทุกคน จะต้องมีเสน่ห์ดึงดูด ทําไม? ผู้ชายทุกคน จะต้องมีเสน่ห์ดึงดูด ทําไม? เพื่ออะไร? เราจะได้อะไรจากการทําแบบนั้น? ประโยชน์อะไร?

การมีเสน่ห์ดึงดูดก็ไม่เลวร้าย ตราบเท่าที่ คุณไม่ได้ทําตัวน่าขยะแขยง ตราบเท่าที่คุณยังรักษา ความสัมพันธ์ที่เหมาะสมกับคนอื่น หากมันกลายเป็น ความสัมพันธ์ระหว่างสุนัขตัวผู้ กับสุนัขตัวเมีย ก็ไม่ควรจะมีความคิดแบบนี้ เสียเลยจะดีกว่า มันผิดที่สุดที่จะวิ่งไล่ตามสิ่งใด ที่ไม่ใช่วิถีของเรา มนุษย์จะต้องอยู่อย่าง มีเกียรติ มีความสง่างาม และยึดถืออุดมคติอย่างมั่นคง ตราบใดที่ความสัมพันธ์ ระหว่างกันและกันยังมีอยู่ ถ้าคุณแค่พูดว่า "แล้วไงล่ะ มันผิดตรงไหน?" จะตามมาด้วยการโต้แย้ง ทุกอย่างผิดไปหมด และทุกอย่างผิดไปหมด ไม่ได้ผิดแค่อย่างเดียว แต่ผิดทุกอย่าง แต่หากคุณต้องการมี สังคมที่ผลิดอกออกผล คุณต้องรักษาความสัมพันธ์ ในชีวิตครอบครัวให้เหมาะสม นี่คือสิ่งสําคัญยิ่ง แต่มันจะเกิดขึ้น กับคุณทันทีที่คุณได้รับการรู้แจ้ง แม่ไม่ต้องมี การสอนในเรื่องนี้คุณแค่ทํามัน คุณจะกลายเป็นสามีที่แสนดี และภรรยาที่แสนดี ครอบครัวที่งดงาม เกิดขึ้นได้ด้วยสหจะโยคะ คุณจะได้เห็นว่ามีหลายครอบครัว ตอนนี้มีหลายครอบครัว ที่งดงามในสหจะโยคะ และตอนนี้เด็กๆผู้ยิ่งใหญ่ นักปราชญ์ ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลายที่ต้องการเกิด กําลังจะลงมาเกิด ในครอบครัวเหล่านั้น เด็กๆผู้ยิ่งใหญ่หลายคน ต้องการจะเกิดในอังกฤษ และมีหลายคนที่เกิดมาแล้ว แต่แม่ไม่รู้ว่า พวกเขาได้รับการดูแลอย่างไร คนจะเข้าใจพวกเขาหรือไม่ คนพวกนั้นไม่มีไวเบรชั่นที่จะ เช็คว่าเด็กๆคือนักปราชญ์หรือไม่ . แต่เด็กที่มีวิญญาณตระหนักรู้ มากมายเกิดในอังกฤษ จนบางครั้งแม่ก็เสียใจ เมื่อเห็นวิธีที่เด็กๆได้รับการเลี้ยงดู ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาคือ วิญญาณตระหนักรู้มาเกิด การพูดของพวกเขา ไม่พูดสิ่งใดนอกจากปัญญา เด็กเหล่านี้โดนดูถูก และทําให้อับอาย โดยพวกเราที่ไม่เข้าใจพวกเขา แม่ต้องบอกว่าพวกเขากล้าหาญมาก พวกเขากล้าหาญมากที่ลงมาเกิด ในประเทศที่ไม่เห็น คุณค่าของพวกเขา และไม่ดูแลพวกเขา สุดขั้วอีกข้างหนึ่งในประเทศของเรา แม่ควรบอกว่า ที่ซึ่งคนยินดี จะขายประเทศทั้งประเทศ เพื่อแลกกับลูกของพวกเขา แม่หมายถึง นี่ก็มากเกินไป เป็นความไร้สาระอีกแบบของพวกเรา แต่ทางสายกลางคือคุณรักลูกของคุณ เคารพพวกเขา พวกเขาคือความไว้วางใจ ของคุณ พวกเขาคือวิญญาณตระหนักรู้ พวกเขาคือนักปราชญ์ พวกเขาคือรากฐานของโลกใหม่ ที่กําลังจะมา นี่คือสิ่งที่พวกแม่ๆต้องเรียนรู้ เกียรติของผู้หญิง ต้องได้รับการเคารพ แม่แน่ใจว่า พวกคุณต้อง เคารพแม่ของคุณอย่างมาก แต่ตอนนี้ในฐานะที่คุณเป็นแม่ แม่ไม่รู้ว่าคุณจะได้รับการเคารพหรือไม่ เมื่อมันได้รับการสถาปนา ว่าการเป็นแม่คือ ตําแหน่งสูงสุดของผู้หญิง สามารถไปถึง และเธอจะต้องได้รับการเคารพ การจัดลําดับความสําคัญ ของผู้หญิงจะเปลี่ยนไปเช่นกัน เพราะพวกเขาจะทําอะไรได้? พวกเขาไม่มีที่สําหรับการเป็นแม่ พวกเขาจะเบื่อหน่าย ผิดหวังพวกลูกๆ คิดว่า "ความเป็นแม่มีประโยชน์อะไร ช่างเป็นงานที่ไม่มีใครเห็นคุณค่า" ทั้งหมดจะเปลี่ยนได้ก็ต่อเมื่อ พวกผู้ชายเปลี่ยนแปลงตัวตนภายใน เมื่อการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ตอนนี้ นี่เป็นเพียงหนึ่งในการเทศนา ที่คุณอาจได้ยินจากที่ซึ่ง อาจบอกว่า อนุรักษ์นิยมมากๆ ความอนุรักษ์นิยมนี้ ก็กลายเป็นส่วนหนึ่ง ของคุณและคุณปรับเข้า กับมันอย่างมาก ปรับเข้าอย่างที่สุด คุณชอบ คุณชอบที่จะรัก ภรรยาของคุณคนเดียว เช่นนั้น และสามีก็ชอบ ที่จะรักเธอในแบบพิเศษ ในขณะที่ภรรยา ก็ต้องการที่จะรักสามีในแบบพิเศษ มันเกิดขึ้น ไม่มีความไม่มั่นคง มิฉะนั้น คุณกลับมาบ้าน และคุณพบว่าภรรยา หนีไปกับคนอื่น คิดดูว่า สถาณการณ์แบบนี้ เมื่อแม่มาเป็นปีแรก แม่ตกใจมาก เรามีเพื่อนบ้าน เธออายุ 48 ปีแล้ว และลูกชายอายุประมาณ 22 และเขามีเพื่อนอายุประมาณ 20 ผู้หญิงคนนี้ หนีไปกับเด็กอายุยี่สิบปีคนนี้ และเธอมีเด็ก ๆสามคนที่เธอทิ้ง บ้านทั้งหลังถูกขาย เพราะตามกฎหมาย เธอได้รับครึ่งหนึ่ง ครึ่งหนึ่งของ ทรัพย์สินประมาณนั้น และลูกสาวทั้งสาม ไม่มีบ้านจะอยู่ เด็กน้อยสามคน เป็นลูกสาวไม่มีบ้านอยู่ ใครจะดูแลพวกเธอ? ผู้หญิงคนนี้, อายุ 48 ปี, ยังจะเป็นเจ้าสาว, เธอรู้ไหม? ไปยังโบสถ์และแต่งงาน ไม่มีศักดิ์ศรี ไม่มีความรัก ไม่มีความเสน่หา คุณปฏิบัติตามพระคริสต์ ท่านได้กล่าวว่า คุณว่า "เจ้าจะไม่ ล่วงประเวณี" แม่บอกว่า "เจ้าต้องไม่มี สายตาที่ไม่บริสุทธิ์" ท่านได้เข้าสู่ สถานะที่ละเอียดลึกซึ้ง เราปฏิบัติตามพระคริสต์ เราสวมกางเขน เราไปโบสถ์ เราไปถึงไหนกันแล้ว? เรามาที่ ศูนย์พลังต่อมา คือวิชุดดี นี้เป็นศูนย์พลังสําคัญในมนุษย์ เพราะเมื่อศูนย์นี้ตื่นขึ้น คุณกลายเป็นพยาน คุณกลายเป็นส่วนรวม นี้เป็นศูนย์กลาง ของการเป็นส่วนรวม คุณเป็น กล่าวอีกครั้ง คุณจะกลายเป็นส่วนรวม เมื่อศูนย์นี้ตื่นขึ้น เป็นศูนย์พลังสําคัญมาก และตอนนี้ เมื่อแม่อยู่กับคุณ แม่จะต้องบอกเกี่ยวกับ สิ่งที่เราประสบปัญหา และสิ่งที่ชาวอินเดียประสบปัญหา สิ่งที่คนตะวันออก ประสบปัญหา เป็นอีกสิ่งหนึ่ง ตัวอย่างเช่น คนตะวันออก ประสบปัญหาจากการพูดมากเกินไป เราเรียกว่า วิชุดดีด้านขวา และชาวตะวันตก ประสบปัญหาจากการไม่พูดเลย โดยเฉพาะ ชาวอังกฤษ พวกเขาไม่เคยพูด อันที่จริง คุณจะต้องหยิกเขา และพวกเขา ก็ไม่เคยหัวเราะ นั่นคือปัญหา เพียงแค่ยิ้ม ก็ถือว่ามีมารยาทดี แต่บางครั้ง ก็จะน่าเบื่อมาก ต่อมา วิชุดดีซ้าย ซึ่งละเอียดลึกซึ้ง มากกว่าที่เราคิด เป็นสถานการณ์ที่ตลกมาก ที่คุณมีเรื่องวิชุดดีซ้าย โดยเฉพาะในหมู่ชาวตะวันตก เนื่องจากพวกเขาได้พัฒนา ความรู้สึกถึงความผิด แบบใหม่ แม่หมายความว่าทุกคนมีความผิด โดยไม่ต้องไปศาล โดยไม่ต้องกระทําความผิดใดๆ ทุกคนมีความผิดตลอดเวลา เช่นสตรีคนหนึ่ง บอกว่า "ฉันมีความผิดมาก" เกิดอะไรขึ้น? "ฉันไม่ได้'ขอบคุณ'เธอ" มันไม่สําคัญ มีอะไรให้มีความผิด? "แหมฉันผิดมาก" "เกิดอะไรขึ้น?" "ฉันทํากาแฟหก" ไม่เป็นไร ไม่ใช่เรื่องสําคัญ สามารถล้างออกได้ จะมีอะไรที่เป็นความผิด?

แต่คนมีความผิดที่ไม่รู้ว่าคืออะไร พวกเขาไม่ทราบว่า ทําไมพวกเขามีความผิด ทําไมพวกเขา มีความรู้สึกนี้ตลอดเวลา "โอ้พระเจ้า ฉันไม่ควรทําอย่างนั้น ฉันไม่ควรทําอย่างนั้น" ความผิดอะไรอะไร? ความผิดอะไร ที่เราสามารถจะมี? และความผิดนี้ เป็นสิ่งที่น่ากลัว แม่ได้เห็นว่า มันเริ่มต้นจากอเมริกา อังกฤษ โปรตุเกส สเปน อิตาลี ทุกที่ สวิสเซอร์แลนด์ เหล่านี้ไม่มีอะไร นอกจาก วิชุดดี ซ้าย เป็นปัญหาแรก และสุดท้ายที่แม่ต้องจัดการ ผู้หญิงคนหนึ่งตื่นนอน และเธอกล่าวว่า "คุณแม่ ฉันผิดเนื่องจากเวียดนาม" แม่ว่า "เวียดนาม? มันจบไปตั้งนานแล้ว คุณจะทําอะไรกับเรื่องนี้?" "ไม่มี แต่ฉันมีความผิด เกี่ยวกับมัน" "ทําไม? คุณจะทําอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ คุณมีอะไรเกี่ยวข้องกับมัน อะไรคือความสัมพันธ์ของคุณ กับเรื่องนี้ ทําไมคุณจึงมีความผิด?" "ฉันแค่รู้สึกผิด." แม่กล่าวว่า "มันเป็นเรื่องไร้สาระ" เหมือนที่ทุกคนได้พัฒนานี้ สิ่งนี้มาจากไหน? ลองดูแหล่งที่มาแหล่งแรก มาจากพระคัมภีร์ ที่ถูกแปลอย่างผิดอย่างร้ายแรง "คุณเป็นคนบาป เกิดมาบาป" แม่ว่าไร้สาระ ความหมายที่แท้จริงคือ มนุษย์เท่านั้นที่รู้จักผิดบาป สัตว์ไม่รู้ มนุษย์เท่านั้น ที่ตระหนักถึงความไม่รู้ของคุณ สัตว์ไม่รู้ มนุษย์เท่านั้นที่ ตระหนักถึงความมืดบอดของคุณ สิ่งอื่นไม่รู้ สัตว์ไม่รู้ ทําไม เนื่องจากการพัฒนา ความเป็นฉัน ภายในตัวคุณเอง ความเป็นฉัน แม่บอกคุณเมื่อวานนี้ พัฒนาเพราะอีโก้ และซูเปอร์อีโก้มาพบกันที่นี่ เพราะคุณเงยศีรษะของคุณขึ้น เพราะจักรนี้ ต้องการได้รับการตระกนักรู้ คุณยกศีรษะขึ้น อีโก้และซูเปอร์อีโก้ พบกันและเกาะตัวกัน คุณได้ความเป็นตัวฉัน และทําให้คุณคิด "ว่าฉันทําผิดหรือฉันทําถูก" สัตว์ไม่คิดเช่นนั้น มันไม่สนใจ พวกมันได้ทําในสิ่ง ที่พวกมันทํา ที่มันต้องการจะทํา พวกเขาไม่เคยนั่งลง และพูดว่า "ฉันผิด" คุณเคยพบสัตว์ที่ กล่าวอย่างนี้ไหม? ยกเว้นมนุษย์ ทุกที่ทุกเวลา ตอนนี้ ก็มีความเชื่อ มันเป็นความเชื่อเรื่องใหญ่ ที่คุณใช้ชีวิตอยู่ เป็นความเชื่อแน่นอน เชื่อแม่เถอะ ไม่มีสิ่งใดเหมือนความผิด ความผิดนี้ กัดกินคุณ ตลอดเวลา มันทําให้คุณเฉื่อยชา จะทําให้คุณรู้สึกหลงทาง และศูนย์พลังนี้มีความสําคัญมาก จะต้องถูกเปิดออก ดังนั้น ก่อนที่จะเริ่มต้น โปรแกรม แม่บอกทุกคนว่า มนต์หนึ่งบท จะต้องบอกว่า "คุณแม่ ฉันไม่มีความผิด คุณแม่ ฉันไม่มีความผิด" 16 ครั้ง นี่คือการลงโทษ สําหรับการกระทําความผิด ถ้าคุณทําผิด คุณต้องถูกลงโทษ ใช่ไหม?

ดังนั้นนี่คือการลงโทษสําหรับคุณ คือให้บอกว่า "คุณแม่ฉันไม่ผิด คุณแม่ผมไม่ผิด" บอก 16 ครั้ง และนี่เป็นวิธีที่คุณกําจัดความผิด มันใช้ได้ มันได้ผล จากความรู้สึกผิด คุณจะเป็น โรคกระดูกสันหลังอักเสบ และรู้สึกเจ็บในหัวใจ คุณจะมีมือที่เรียกได้ว่า เย็นชาปราศจากความรู้สึก ทุกปัญหาที่คุณได้รับ ทั้งหมดนี่เป็นเพราะ ความผิดที่เป็นความเชื่อนี้ คุณจะแก้มันได้ ทีนี้ ก็มีอีกความเชื่อหนึ่ง แหล่งที่มาของมัน แม่คิดว่าเป็นนักจิตวิทยา หรือ พวกที่เรียกว่านักจิตวิทยา พวกเขาไม่รู้เรื่องจิตใจ เพราะพวกเขาไม่มีทาง ที่จะเข้าใจจิตใจ สิ่งที่พวกเขาทํา คือการบันทึก และหาคําตอบ และพยายามที่จะรักษาคน พวกเขารักษาคนวิกลจริตหายไปกี่คน? สหจะโยคะรักษาไปกี่ร้อยคนแล้ว พวกเขารักษาคนวิกลจริตหายไปกี่คน? พวกเขายังไม่เคยรักษาใครเลย ตรงกันข้าม ถ้าคุณไปหานักจิตวิทยา คุณอาจวิกลจริตยิ่งขึ้น เหมือนที่พวกเขาเป็นนั่นเอง เพราะนักจิตวิทยาเหล่านี้ เมื่อพวกเขาพูดคุยกับคน พวกเขาไม่ทราบว่า พวกเขากําลังเจอกับพยาธิวิทยา กรณีที่ผิดปกติ และเมื่อคุณกําลังเจอกับพยาธิวิทยา คุณก็จะเกิดมลพิษจากสิ่งนี้ หรือคุณ สามารถพูดได้ว่ามีการปนเปื้อน และคุณไม่ทราบ วิธีการป้องกันตัวเอง แม่จะบอกว่า ยุง เป็นนักจิตวิทยาคนเดียวเท่านั้น เพราะเขาเป็นคนที่ ค่อนข้างสมบูรณ์ หลังจากที่เขาได้ตระหนักรู้ เขาพูดถึงการตระหนักรู้ นั้น ว่าจิตแพทย์อาจป่วยได้ ตอนนี้พวกเขาเริ่มเป็นพยาธิสภาพ เหมือน ฟรอยด์ ที่น่าสงสาร ที่ไม่สมบูรณ์ เขาเป็นคนเริ่มต้นพูดเกี่ยวกับเพศ และสิ่งเหล่านั้น แต่ตัวเขาเองเป็นคนวิปริต เขาตายด้วยโรคมะเร็ง เขาได้รับอะไรในชีวิต? เขานั้นเป็นคนที่เดินในทางที่ผิด แม่หมายถึง เขาเป็นวิญญาณ ชั่วร้ายเสียชีวิตจากโรคมะเร็ง เขาจะสามารถ แนะนําใครได้ ในเรื่องใด? ตอนนี้สิ่งที่เขาพูดถึง เราเอาเขาเป็นเหมือนพระคัมภีร์ กว่าพระคัมภีร์เสียอีก คนเชื่อในฟรอยด์ มากกว่าพระคริสต์ พวกเขาเชื่อในตัวเขาจริงๆ และถ้าคุณลดมัน เป็นประโยคที่น้อยที่สุด เขาทําให้ ทุกคนเป็นประเด็นทางเพศ คุณไม่มีอะไรมากกว่าเรื่องนั้น ไม่มีอะไรมากกว่านั้น ไม่มีอะไรยกเว้นเรื่องเพศ คิดดู เขาลดศักดิ์ศรี ของคุณไปอยู่ที่ระดับนั้น ด้วยความเป็นแม่ แม่ให้การผ่อนผันแก่เขาโดยพูดว่า คนที่น่าสงสาร ที่ต้องเจอกับพยาธิวิทยา และเขาติดกับ ทําให้เขาให้ความคิดที่ผิดๆแก่ผู้คน เขาเจอกับเรื่องโรคจิตโดยเฉพาะ กับฝั่งซ้าย เริ่มต้นจากตรงนี้ แต่ลงท้ายที่ตรงนั้น สิ้นสุดที่ซูเปอร์อีโก้ ของคุณ การติดเซ็ก จึงนําคุณไปยังซูเปอร์อีโก้ หมายความว่า มันนําไปสู่จิตใต้สํานึกของคุณ และจิตใต้สํานึกโดยรวมของคุณ ตอนนี้ทุกปัญหา ของคุณเกิดจากเรื่องเพศ เป็นเพราะการนี้ พฤติกรรมทางอารมณ์ และความผิดธรรมชาติ นําคุณไปสู่จิตใต้สํานึกส่วนรวม ในอินเดีย มีเด็กผู้หญิงที่ผิดปกติมาก เธอมาหาแม่ และบอกว่าเธอต้องการอยู่กับ ผู้หญิงและต้องการ แต่งงานกับผู้หญิงคนหนึ่ง เธอต้องการแต่งตัวเหมือนผู้ชาย แม่ถามว่า "จริงหรือ?" ดังนั้นแม่รักษาเธอด้วย วิธีของสหจะโยคะ และพบว่ามีวิญญาณ ผู้ชายสิงอยู่ในตัวเธอ เธอลดลง ไม่เหลืออะไรเลย นี่เป็นวิญญาณผู้ชายที่เข้าสิงเธอ และเธอได้รับความคิดเห็นเหล่านี้ จากวิญญาณของชายคนนี้ วิธีที่เธอพูด เธอเป็นคนถูกเข้าสิง ความผิดปกติทั้งหมดนี้ เป็นเพราะคุณถูกสิง มีหญิงสาวในคิวบา มาพบแม่ มาจากคิวบา ในอเมริกา สาวตัวเล็กมาก เป็นเด็กสาวตัวเล็ก ที่ดูดี และเธอบอกแม่ว่า สามีของเธอบอกแม่ว่า "คุณแม่ มันน่าแปลกใจมากที่ ภรรยาผมสามารถดื่ม เหล้าวิสกี้เพรียวๆจากขวด เธอสามารถดื่มจนหมดขวด" แม่จึงบอกให้เธอ "เอาละ นั่งลง" แม่ทํา ที่เราเรียกกันว่า บันดันให้เธอ และแม่เห็น คนตัวใหญ่มาก อย่างกับนักเดินทางรอบโลก จริงๆ ชาวนิโกร ตัวใหญ่มาก ออกมาจากตัวเธอ และแม่มองเธอ ถามว่า "คุณรู้จักชาวนิโกรบ้างไหม?” เธอกล่าวว่า "คุณแม่ท่านเห็นเขาหรือ? แม่เห็นเขาหรือ? เขาเป็นคนที่ดื่ม ดิฉันไม่ได้ดื่ม" เธอบอกแม่ และเมื่อเขา ถูกเบนความสนใจออกจากเธอ เธอก็กลายเป็นภรรยาผู้อ่อนหวาน พฤติกรรมผิดปกติทั้งหมดนี้ เมื่อคุณทํามากเกินไป นําเราไป ที่จิตใต้สํานึกระดับกลุ่ม ที่คุณติดสิ่งน่ากลัว จากคนเลวร้ายเหล่านี้ ยังสามารถนําคุณไปสู่ จิตเหนือสํานึกระดับกลุ่ม ถ้าคุณเห็นแก่ตัวมากๆๆ แล้วคุณจะกลายเป็นฮิตเลอร์ "อะไรผิด? อะไรผิด? ฮิตเลอร์ผิดตรงไหน?"

ไม่มีอะไรผิดกับเขา เขาถูกต้องอย่างสมบูรณ์แบบ เมื่อเขากล่าวว่า เขามาเพื่อช่วยเผ่าพันธุ์อารยัน และจมูกของเขา ก็ถูกทําขึ้นเป็นพิเศษ ฉันหมายความว่าพระเจ้าจะต้อง ได้รับประหลาดใจที่ได้ยินทั้งหมดที่ แม่หมายความว่าคุณต้องสร้าง ความหลากหลายบ้างไม่ใช่หรือ? แต่นี้คือสิ่งที่มันเป็น แม่หมายถึงสิ่งที่ไร้สาระเหล่านี้ ที่เราทําในชีวิตของเราด้วยการพูดว่า "แล้วมันผิดตรงไหน?" เรากระโดดลงคูน้ํา ที่คุณไม่สามารถกลับไปได้ โดยไม่ต้องมีบางอย่างเกาะติดบนหัวของคุณ และสิ่งเหล่านั้นก็สําแดงผล และคุณก็จะกลาย เป็นคนที่ผิดปกติ แล้วคุณจะยืนและตะโกน บนถนนเหมือนคนบ้า และถ้าคุณยั่วยุพวกเขา พวกเขาก็จะยิ่งแย่ลง จะให้ดี ก็ไม่ควรพูดคุย หรือโต้เถียงกับพวกเขา ลืมพวกบ้าคลั่ง ที่เราพบไปเสีย พวกนี้ไม่ใช่อะไร นอกจากคนที่ถูกภูตผีครอบงํา พวกเขาส่วนใหญ่ถูกภูตผีครอบงํา แม่ว่าพวกประธานาธิบดี พวกเผด็จการ พวกนั้น ส่วนมากถูกภูตผีครอบงํา แม่พบกับพวกเขา แม่จับมือทักทายกับพวกเขา พวกเขาก็สั่นไปทั้งตัวต่อหน้าแม่ และแม่ก็รู้ว่าพวกเขาถูกครอบงํา พวกเขามาอยู่ใน ระดับนี้ได้อย่างไร? พวกเขาไม่ควรจะได้เป็นใหญ่ พวกเขาถูกภูตครอบงํา พวกเขาครอบงําคนอื่น ทําให้พวกเขาทํางานให้ แล้วความก้าวร้าว ทั้งหลายก็เริ่มขึ้น ผ่านอํานาจแห่งการ ครอบงําของพวกเขา ดังนั้นศูนย์พลังนี้จึงเป็น ศูนย์พลังที่จะนําคุณกลับไปเป็นปกติ แล้วเมื่อกุณฑลินี ตื่นขึ้นและสัมผัสกับ บริเวณกระหม่อมของคุณ และเปิดบริเวณนั้นออก แล้วจากมือของคุณ ผ่านทางศูนย์พลังนี้ ที่บุคลิกภาพแห่งการ รวมกลุ่มเริ่มแสดงออก คุณกลายเป็นบุคลิกภาพ แห่งการรวมกลุ่ม คุณกลายเป็นสิ่งนี้ อีกครั้ง แม่จะพูดว่า นี่เป็นการเกิดขึ้นจริง ไม่เหมือนกับการที่ คนบอกว่า "เราเป็นพี่น้องกัน เรามาก่อตั้งสหประชาชาติ และสร้างรายได้งาม ๆ จากมัน" นี่เป็นการเกิดขึ้นจริง ที่ว่า คุณรู้สึกถึง อีกคนหนึ่งในตัวคุณเอง และนี่คือสิ่งที่สําคัญที่สุด แม่สามารถพูด เกี่ยวกับศูนย์พลังนี้ ได้ไม่รู้กี่ชั่วโมง แต่ ศูนย์พลังนี้มี 16 กลีบ และศูนย์พลังนี้จะดูแล ตา จมูก หู ลําคอ ทุกอย่าง คอ แม้แต่ใบหน้าของคุณ และทุกอย่าง ถูกควบคุมด้วยศูนย์พลังนี้ บุคคลที่มีบุคลิกภาพ แห่งการรวมกลุ่ม บุคคลเช่นนั้นจะมีใบหน้า ซึ่งมีสัมประสิทธิ์ ดังเช่น แม้แต่ใบหน้า ก็สามารถแผ่กระจายไวเบรชั่น แต่จะรู้ได้โดย ผ่านไวเบรชั่นเท่านั้น ว่าใครเป็นคนที่มี บุคลิกภาพแห่งการรวมกลุ่ม ที่สําคัญที่สุดคือ ส่วนนี้ของศีรษะ ที่แม่บอกคุณว่า เมื่อคุณก้มศีรษะให้กับสิ่งที่ผิด นี่จะเป็นอุปสรรคใหญ่ที่สุด เป็นแผ่นล่างของสมอง ซึ่งเรียกว่าเป็นมูลาธาระ ในภาษาสันสกฤต นี่สําคัญมาก มูลาธาระจะพองโต และอุปสรรค ใหญ่หลวงจะถูกสร้างขึ้น และคุณเป็นคนที่ ถูกตัดขาดอย่างสิ้นเชิง จากพลังอันแผ่ไพศาล หมายถึงถูกตัดขาดจาก การปกป้องทั้งหมดและการนําทาง ทุกสิ่งที่ทํานุบํารุง และทุกอย่าง จะเริ่มหายไปจากชีวิตของคุณ ตอนนี้เราไปต่อจาก ศูนย์พลังนั้น ไปยังศูนย์พลังนี้ ที่สําคัญมาก และที่แม่ต้องบอกคุณ แม้ว่า จะถึงเวลาที่จะจบการบรรยายนี้ นี่เป็นศูนย์พลังแห่งอักนียะ ที่อยู่ใน ศูนย์กลางของต่อมใต้สมอง และต่อมไพเนียล ที่ควบคุมอีโก้ และซูเปอร์อีโก้ของเรา อยู่ระหว่างเส้นประสาทตา อ็อพทิคไคแอสมาศูนย์พลังที่ละเอียดยิ่งอยู่ที่นี่ ซึ่งบางคนเรียกว่าตาที่สาม แต่ตาที่สามที่พวกเขาเห็น ไม่ใช่สิ่งที่แม่พูดถึง ตาที่สามหมายถึงตาที่เรา มองเห็นภายใน ไม่ใช่ภายนอก ศูนย์พลังนี้มีความสําคัญมาก และมีเทพประจําจักร คือมหาวิษณุตามชื่ออินเดีย และในภาษาอังกฤษ คือองค์พระเยซูคริสต์ นี้เป็นศูนย์พลังที่สําคัญมาก "บัดนี้จงค้นหาพระเจ้าของคุณ” คุณจะหาท่านได้ที่ไหน? ท่านสถิตอยู่ที่ไหน? ท่านจะถูกปลุก ให้ตื่นขึ้น และสถิตอยู่ที่นี่ เพราะพวกคุณส่วนใหญ่ มาจากภูมิหลังเช่นนั้น แม่จึงต้องการพูดคุย เกี่ยวกับเรื่องนี้ แม้ว่ามหาวีระและพระพุทธเจ้า ทั้งสองอยู่ในตัวเรา มหาวีระอยู่ที่นี่ และพระพุทธเจ้าอยู่ที่นี่ แต่พระคริสต์ อยู่ในศูนย์นี้ ภายในสมอง นี่เป็นสิ่งสําคัญมาก ซึ่งสถาบันแห่งคริสต์ศาสนาทั้งหมด ล้วนหลงประเด็น เกี่ยวกับพระคริสต์ นั่นคือ พระคริสต์ จะเกิดขึ้นภายในตัวเรา ที่ว่า พระคริสต์ จะตื่นขึ้นภายในตัวเรา ทําได้ก็โดยการผ่านการ ตื่นขึ้นของกุณฑลินีเท่านั้น และเมื่อท่านตื่นขึ้น ในตําแหน่งนั้น พระองค์จะดูดซับ อีโก้และซูเปอร์อีโก้ ซึ่งเป็นผลมาจาก การตื่นขึ้นของพระองค์ และนี่เป็นเรื่องใหญ่มาก นั่นเป็นเหตุผล ที่ท่านกล่าวว่า "ข้าพเจ้าคือประตู" แต่พวกเขา กลับตรึงกางเขนพระองค์อย่างดี แต่การตรึงกางเขนนั้น ก็เป็นเพียงละครฉากหนึ่ง เพราะอีโก้และซูเปอร์อีโก้ กดดันตําแหน่งเหล่านี้อย่างหนัก เสียจนการที่จะผ่านขึ้นไปได้ คุณจําเป็นต้องอาศัยใครบางคน ที่มีความศักดิ์สิทธิ์ และตัวท่านก็คือโอมการานั่นเอง ผู้มีบุคลิกภาพ แห่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ผู้ไม่เคยตาย และผ่านพ้นจุดนี้ไปได้ พระกฤษณะ ได้กล่าวว่าใครอยู่ตรงจุดนี้ ได้กล่าวว่า "ไนนํ ฉินฺทนฺติ ศสฺตฺราณิ ไนนํ ทหติ ปาวกะ” ท่านกล่าว "อํานาจศักดิ์สิทธิ์นี้ โอมการานี้ ไม่สามารถที่จะถูกฆ่าโดยผู้ใด ไม่สามารถถูกทําลายโดยผู้ใด" และนี้เองจึงนําไปสู่ การเกิดของพระเยซูคริสต์ เพื่อสร้างหนทางให้กับเรา และนั่นคือสิ่งที่ท่านพิสูจน์ว่า โอมการา ไม่สามารถถูกฆ่า แต่พวกท่านทั้งหมดนั้น เป็นหนึ่งเดียวและเกี่ยวข้องกัน สิ่งนี้ คุณจะค้นพบ ในสหจะโยคะนั่นเอง เพราะเมื่อสายสัมพันธ์ถูกสร้างขึ้น คุณต้องตั้งคําถาม ความสัมพันธ์ระหว่าง พระเยซูและพระกฤษณะคืออะไร? และคุณสามารถ ค้นพบได้จากไวเบรชั่น ทั้งหมดนั้น มีความเกี่ยวข้องกันอย่างใกล้ชิดมาก พระคริสต์ได้กล่าวว่า "บรรดาผู้ที่ไม่ได้ต่อต้านข้าพเจ้า อยู่ข้างข้าพเจ้า" ไม่มีใครพยายาม หาว่าพวกเขาเป็นใคร มีการกล่าวในคัมภีร์ไบเบิ้ลว่า "ฉันจะปรากฏต่อหน้าท่าน เหมือนดั่งเปลวไฟ" ไม่มีใครได้พยายามหาว่า สิ่งนั้นคืออะไรหรือ ต้นไม้แห่งชีวิต นี่คือต้นไม้แห่งชีวิตหรือไม่ ดังนั้น ท่านจะต้อง ตื่นขึ้นภายในตัวคุณ นั่นคือประเด็นหลัก ที่พระองค์กล่าวว่า "จะมีใครบางคนมาเพื่อปลุกสิ่งนั้น เพื่อที่คุณจะได้รู้จัก พระบิดาของข้าพเจ้าตลอดไป" แล้วมีสถาบันไหนบ้าง ที่กําลังทํางานอยู่ ภายใต้ชื่อของพระเยซูคริสต์ ที่กําลังทํางานนั้นอยู่? สิ่งที่พวกเขากําลังทําอยู่ คือการจัดงานรื่นเริงต่างๆ เก็บเงิน สร้างโบสถ์ที่นี่ ที่นั่น คุณต้องสร้างคนทุกคนให้เป็นโบสถ์ โดยปลุกพระคริสต์ขึ้นในตัวพวกเขา นั่นคือความหมาย ที่แท้จริงของศีลจุ่ม แต่ผู้ที่กระทําศีลจุ่มที่แท้จริง คือการตื่นขึ้นของกุณฑลิณี ซึ่งขึ้นมาถึง บริเวณกระหม่อมซึ่งเรียกว่า บรามารานทรา และเจาะทะลุขึ้นไป ใครได้กระทําสิ่งนี้แล้วบ้าง? ไม่มี แม่ไปที่โบสถ์ ที่เรียกว่า ยูนิตี้เชิร์ช แม่เชื่อว่า พวกเขา ได้รวบรวมคริสตจักรทั้งหมด และยังรวมภูติผีทั้งหมดในโลก พวกคุรุจอมปลอม ทั้งหลาย ไปรวมกันอยู่ที่นั่น พวกเขาไม่มีการแยกแยะใดๆทั้งสิ้น แม่ประหลาดใจอย่างยิ่ง พระคริสต์ ท่านไม่ใช่นักการทูต ที่เชี่ยวชาญเท่าใดนัก เพราะวิธีที่ท่านพูดใส่ คนเหล่านี้ แล้วกล่าวว่า “ถ้าพวกเขาร้อน เราสามารถจัดการได้ "ถ้าพวกเขาร้อน"หมายความว่า จักรพวกเขากําลังอุดตัน เราจะแก้ไขให้กับพวกเขา หากพวกเขาเย็น เราชอบพวกเขา แต่ถ้าพวกเขาครึ่งๆกลางๆ ข้าพเจ้าจะคายพวกเขาออกจากปาก” เหล่านี้เป็นคํากล่าวของพระองค์ เพราะพวกครึ่งๆกลางๆนี้ ประนีประนอมกับเหล่ามาร แต่กลับพูดถึงพระเจ้า พวกเขาจะไปส่งสินค้าอย่างไร? ทําไมไม่ปลุก พระคริสต์ของคุณในตนเอง และดูด้วยตนเอง คุณจะประหลาดใจ เมื่อคุณยกพลังกุณฑาลิณี และเมื่อกุณฑลิณีมาถึงจุดนี้ และไม่สามารถขึ้นสูงขึ้นไปอีก นี่เป็นปัญหาของ พวกคริสเตียนทั้งหมด คุณต้องขอให้พวกเขาสวด บทพระบิดา แล้วปัญหาจะหมดไป ที่คือมนตรา ในเวลาที่ศูนย์พลังนี้ของคุณอุดตัน เพราะพระกฤษณะเป็นการดํารงอยู่ แห่งส่วนรวม "อัลลาห์ อูห์ อัคบาร์" มีความหมายเช่นเดียวกัน คุณต้องเอานิ้วมือของคุณ ปิดหู แล้วกล่าวว่า "อัลลาห์ อูห์ อัคบาร์" วิญญาณตระหนักรู้ และคุณจะได้รับ การตื่นขึ้นของกุณฑลิณี คุณสามารถรับรู้ การเต้นของกุณฑลิณี ที่กระดูกกระเบนเหน็บ คุณสามารถเห็น การพุ่งขึ้นของกุณฑลิณี คุณสามารถรู้สึกถึง การทะลุผ่านของกุณฑลิณีที่สหัสราระ ณ จุดที่กุณฑลิณี มาถึงและผ่านขึ้นไป ดังนั้นคุณผ่านเข้าไปสู่ ประตูของพระคริสต์ ผู้ดูดซับสถาบันทั้งสองนี้ และสร้างหนทางนี้ และเมื่อกุณฑลินี ขึ้นไปเหนืออักนียะ คุณจะเข้าสู่สภาวะจิตว่าง บริเวณกระหม่อม คืออาณาจักรของพระเจ้า จากที่ๆคุณได้รับการนําทาง และกุณฑลินีได้ทะลุผ่าน นั่นคืองานชิ้นสุดท้าย ที่จะต้องทําให้สําเร็จ และมันก็สําเร็จลงแล้ว ตอนนี้งานนี้ ได้ทําสําเร็จแบบเป็นกลุ่ม มันต้องสําเร็จ มันต้องเกิดขึ้น มันคือสัญญา ที่เคยให้ไว้ ถึงเวลาแล้ว แต่คนเหล่านั้นอยู่ที่ไหน บางครั้งแม่ก็สงสัย?

ตอนนี้แม่อยู่ที่อังกฤษกับพวกคุณI คุณจะประหลาดใจว่า ในอินเดีย คนเหล่านี้เคยเห็นแล้ว ว่ามีคนหลายพันคน รวมตัวกันเพื่อรอรับการรู้แจ้ง ในหมู่บ้านเหล่านั้น ที่นี่แม่พบคนที่ไม่ต้องการสัจธรรม คุณควรจะมีละครสัตว์ อย่างน้อยคนอังกฤษก็มา แต่คนอินเดียมากันน้อยมาก และพวกเขาไม่เคยสงสัย มันช่างน่าแปลกใจจนแม่ไม่เข้าใจ ช่างน่าทึ่งที่สิ่งต่างๆ ทํางานอย่างลงตัว เมื่อไรที่เราจะรับมันไป แม่หมายความว่ามันฟรี คุณไม่ต้องจ่ายอะไรเลย มันเป็นของคุณ มันเกิดขึ้นเองตาม ธรรมชาติ มันอยู่ตรงนั้นอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม แม้ว่าพวกเขา ได้รับการตระหนักรู้แล้วก็ยังหลงทาง เป็นสิ่งที่น่าแปลกใจมาก แม่ทํางานอยู่ตรงนี้ คุณอาจไม่เชื่อ ว่าสิบปีแล้ว แปดปี แปดปี สี่ปีแรกแม่มีคนแค่หกคน พวกเขาก้าวหน้า ถอยหลัง ก้าวหน้า ถอยหลัง แม่พูดว่า นี่มันคนประเภทไหนกัน สี่ปี คุณนึกภาพออกไหม ที่อินเดีย แม่ไปแค่ สามเดือนได้คนมาเป็นพัน มีคนไม่กี่คน ที่จะได้รับการช่วยชีวิต ตามที่จอห์นบอกใช่หรือไม่? เขากล่าวว่ามีคนเพียงไม่กี่พันคน ที่จะได้รับการช่วยชีวิต นี่คือสิ่งที่เราจะทํา ในโลกตะวันตกใช่ไหม แต่อังกฤษมีจํานวนน้อยที่สุด คุณจะแปลกใจว่า แม้แต่อิตาลียังดีกว่า สวิตเซอร์แลนด์ เจนีวา ก็ดีกว่ามาก นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ที่นี่คนวิ่งตามผู้ชาย ที่เรียกร้องรถโรลซ์รอยซ์ ชายที่ร้องขอรถโรลซ์รอยซ์ยุคปี59 พวกเขาทําให้ตัวเองอดอยาก เพื่อจัดหารถโรลซ์รอยซ์ ให้เขาเมื่อเขามาเยือน พวกเขามอบรถโรลซ์รอยซ์ แก่เขา คุณนึกภาพออกไหม? พวกนั้นบอกว่าเขา คือครูที่สมบูรณ์แบบ ไม่มีความเฉลียวฉลาด ที่บริสุทธิ์เหลืออยู่ในสมอง เพื่อจะเข้าใจว่าคุณ จะเข้าสู่จิตวิญญาณได้อย่างไร? ด้วยรถโรลซ์รอยซ์ไร้สตินี่งั้นหรือ? อย่างน้อยเดอร์บี้ไชร์ ก็ไม่เป็นอย่างนั้น คนจากเดอร์บี้ไชร์ ไม่ได้ประทับใจในสิ่งนั้นสักเท่าไร เพราะพวกเขาสร้างมันที่นี่ คุณไม่สามารถสร้าง พระเจ้าขึ้นมาได้ ใช่หรือไม่? คุณสร้างรถโรลซ์รอยซ์ได้ เอาละ แล้วคุณสามารถแลกเปลี่ยน รถโรลซ์รอยซ์กับพระเจ้าได้หรือ? พวกเขากําลังวิ่งตามสิ่งเลวร้าย เช่นเดียวกับ สิ่งเลวร้ายอีกเรื่องที่มีคน พยายามจะสอนให้คุณบิน ภรรยาของผู้อํานวยการ กําลังนั่งอยู๋ตรงนี้ ลูกสาวของเธอ กําลังทรมานจากโรคลมบ้าหมู สามีของเธอเป็นโรคลมบ้าหมู ลูกสาวของเธอเป็นโรคลมบ้าหมู พวกเขาทุกคนเป็นโรคลมบ้าหมู และพวกเขาทุกคน จ่ายเงินไปหลายพันปอนด์ สามพันปอนด์เพื่อจะบินได้ และพวกเขาเริ่มกระโดด ขาเดียวเหมือนกบ นึกออกมั้ย ด้วยความเฉลียวฉลาด ที่บริสุทธิ์ คุณต้องถาม ว่าคุรุที่ทิ้งตัวลงมา จากหอเอนปิซ่า แม่คิดว่ามันถูก สร้างมาเพื่อสิ่งนั้นเท่านั้น และดูว่าเขาบินได้สูง แม้แต่หนึ่งนิ้วหรือไม่ ทําไมไม่ใช้ ความเฉลียวฉลาดของคุณ? คุณสมควรจะเป็นคนที่สมดุลที่สุด และเฉลียวฉลาด . เมื่อวานนี้แม่เล่า ให้คุณฟังว่าคุณอยู่ในตําแหน่ง ที่สําคัญที่สุด ในจักรวาลนั่นคือหัวใจ อังกฤษคือหัวใจของจักรวาล และหัวใจนี้เกียจคร้านเฉื่อยชา แล้วแม่จะทําอย่างไร?

คุณต้องบอกแม่ แม่ต้องทําอย่างไร เพื่อกระตุ้นให้ หัวใจกลับสู่สัจธรรม มีผู้แสวงหา แม่จะไม่บอกว่ามีบรรดาผู้แสวงหา เมื่อถึงคราวของการเป็น บุปผาชน คนนับพันกลายเป็นบุปฝาชน แต่พวกเขายอมรับเรื่อง ไม่สมเหตุสมผลอย่างง่ายดาย และทําไมถึงไม่ยอมรับ สิ่งที่คุณกําลังแสวงหาอยู่? มันอยู่เหนือ ความเข้าใจของแม่ แม่ไม่อาจเข้าใจ ตอนนี้แม่ไม่ได้มาที่นี่ ในฐานะผู้อพยพ ตามที่แม่บอกคุณว่า แม่มาที่นี่เพราะมีบางอย่างเกิดขึ้น และสามีของแม่ก็ได้รับเลือก ให้มาประจําตําแหน่งที่นี่ ซึ่งสําคัญมาก ซึ่ง แม่คิดว่า มันได้รับการแต่งตั้งไว้ก่อน แต่ตอนนี้แม่ต้องวิงวอน คุณให้รับสิ่งนี้ไว้และเข้าใจ นี่คือสิ่งที่ วิลเลียม เบลคได้บอกคุณเอาไว้ ว่า "ศาสดาพยาการณ์จะมายังประเทศนี้ ว่าคนแห่งพระเจ้า จะกลายเป็นศาสดาพยากรณ์ และพวกเขาจะมีพลังอํานาจ เพื่อที่จะทําให้คนอื่นกลายเป็น ศาสดาพยากรณ์” นั่นคือสหจะโยคะ ไม่มีสิ่งใดนอกจากสิ่งนี้ เขาได้ให้สัญญาไว้หลายข้อ เขาได้บรรยายแม้แต่บ้านที่แม่อยู่ เขาบรรยายถึงบ้าน ที่พวกเราครอบครองอยู่ในตอนนี้ ตําแหน่งที่ถูกต้อง เขาได้บรรยายถึง อาศรมที่พวกเราจะใช้เป็นมูลนิธิ ลงรายละเอียดมากจนแม่ทึ่ง ในความยิ่งใหญ่ของนักปราชญ์ท่านนี้ และผู้หยั่งรู้อนาคต ได้ถือกําเนิดในประเทศที่ยิ่งใหญ่นี้ แต่ไม่มีใครต้องการเข้าใจมัน อย่างทะลุปรุโปร่ง ตอนนี้แม่ควรทําอย่างไร? แม่หวังว่าในไม่ช้าคนจะตระหนัก ว่าพวกเขา ต้องยอมรับบทบาทอันยิ่งใหญ่ บทบาทที่สําคัญมากถึงแก่ชีวิต ในการเปลี่ยนแปลง มนุษยชาติทั้งหมด และช่วยชีวิตพวกเขา จากช่วงเวลาแห่งหายนะ พวกเขาคือ ผู้ที่ต้องนําทางคนเหล่านั้น ไปสู่อาณาจักรแห่งพระเจ้า แม่สามารถหวังและให้พรแก่สิ่งนั้น ขอพระเจ้าทรงอวยพรคุณ โชคดีที่เรามีมาตรฐานที่ดีมาก ของสหจะโยคีในเดอร์บี้ไชร์ ช่างน่าแปลกใจจริง และเบลคได้กล่าวถึง เดอร์บี้ไชร์บ่อยครั้ง พวกเขาต้องการ ให้แม่มาที่เดอร์บี้ไชร์ แม่บอกว่า "เบอร์มิงแฮมก็เพียงพอแล้วสําหรับแม่ และแม่จะไม่ไปที่เดอร์บี้ไชร์” พวกเขาตอบว่า "คุณแม่ ได้โปรด” จากนั้นเขาจึงพูดว่า "เบลคเคยกล่าวว่า ท่านจะมาที่เดอร์บี้ไชร์” และนี่คือ เหตุผลว่าทําไมแม่ถึงมาที่นี่ และแม่หวังว่าศูนย์นี้จะสร้าง สหจะโยคีที่ดีมาก ศาสดาพยากรณ์ที่ยิ่งใหญ่ สามารถสร้างขึ้นจากสิ่งนี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เบลคกล่าวถึงเดอร์บี้ไชร์อย่างหนักแน่น เขาแนะนําที่นี่ แต่วันนี้สิ่งที่ แม่พบตอนที่นั่งรถ คือมีการใช้ไสยศาสตร์อยู่มาก คนกําลังหมกมุ่น ในสิ่งเลวร้ายอย่างรุนแรง แม่กังวล ค่อนข้างกังวล มันเป็นสิ่งที่อันตรายมาก อันตรายต่อตัวคุณ ต่อลูกๆของคุณ ต่อครอบครัวของคุณ ต่อทุกๆคน และแม่ก็พบกระเป๋าพวกนั้น การที่พวกเขา เจริญรุ่งเรืองที่นี่ทําให้แม่ทึ่ง ขอให้พระเจ้าประทานพละกําลัง และปัญญาอันเหมาะสมให้กับคุณ เพื่อจะเข้าใจว่า คุณถูกจัดวางให้เกี่ยวข้อง กับงานของพระเจ้าอย่างไร ตอนนี้ถ้าคุณมีคําถาม เรามีเวลาประมาณห้านาที เมื่อวานหลายคน ถามคําถามกันมากมาย อันที่จริงแม่อนุญาตให้ คนถามคําถามในวันแรก เพราะในวันที่สอง มันเป็นการเสียเวลา ตอนนี้กรุณาอย่าถาม คําถามส่วนตัว เพื่อเห็นแก่สวรรค์ อย่าถามคําถามส่วนตัว นั่นจะเป็นลําดับต่อไป เป็นรายบุคคล คําถามเหล่านั้นไว้ทีหลัง แต่ตอนนี้หากคุณต้องการ ถามเกี่ยวกับเรื่องทั่วไป กรุณาถามคําถามทั่วไป คําถามจากผู้ชม: ตัวท่านเองเคยเห็นพระเจ้าหรือไม่? ทําไมถึงถามคําถามนี้? คุณได้รับอํานาจ ที่จะถามคําถามนี้หรือ? ก่อนอื่นคุณต้องพบกับจิตวิญญาณ ของคุณแล้วเราค่อยพูดเรื่องนี้กัน ทําไมคุณถึงถามแบบนั้น? คุณเป็นคนอินเดียใช่ไหม? ถ้างั้นอย่างน้อยก็ควรรักษามารยาทบ้าง กรุณานั่งลง ไม่ควรถามคําถาม ที่เย่อหยิ่งจองหองแบบนี้ ท่านเคยเห็นพระเจ้าหรือไม่? ทําไมคุณถึงถามแม่ ด้วยคําถามแบบนั้น? คุณมีอํานาจอะไร ที่จะถามคําถามนั้นกับแม่?

แม่ต้องถามคุณว่า คุณสัมผัสจิตวิญญาณของตัวเองได้หรือยัง? เอาละ ก่อนอื่นต้องรู้สึกถึง จิตวิญญาณของคุณเอง เพราะเหตุนี้พระพุทธเจ้า จึงไม่เคยพูดถึงพระเจ้า แม่เพิ่งบอกคุณเมื่อวานนี้ เพราะทันใดนั้น คุณต้องการจะเห็นพระเจ้า คุณมีดวงตาที่จะเห็นท่านหรือ? คุณมองไม่เห็นแม่ คุณจะมองเห็นพระเจ้าได้อย่างไร? ก่อนอื่น จงกลายเป็นจิตวิญญาณ ของตัวเอง จากนั้นเราค่อยพูดถึงเรื่องนี้ เด็กเล็กๆไม่มีวันจะไปเข้าเฝ้า กษัตริย์ และตบหน้า พระองค์ใช่หรือไม่? เขาสมควรทําเช่นนั้นหรือ? เราต้องรู้จักขอบเขต มารยาทของเรา โดยเฉพาะคนอินเดียต้องรู้ บางครั้งแม่แปลกใจ ที่คุณถามอะไรแบบนั้น "ท่านเคยเห็นพระเจ้าหรือไม่?" ไม่ว่าแม่จะเคยเห็นพระองค์หรือไม่ ทําไมแม่ต้องบอกคุณ? แล้วดูสิว่าเขาพูดอะไร? ไม่เหมาะสมเลย คุณทําตัว ไม่เหมาะสม มันเย่อหยิ่งจองหองมาก แม่แปลกใจที่คุณ ได้เรียนรู้อะไรแบบนั้นที่นี่ คนอินเดียไม่เคยทําแบบนี้มาก่อน ช่างน่าอับอายขายหน้า ลองคิดดู ถ้าแม่เคยเห็นมัน แล้วเขาจะเชื่อแม่หรือ? หรือถ้าไม่เห็น (ภาษาฮินดี) ทั้งหมดนี้เข้ามาเรื่อยๆ และบางครั้งแม่รู้สึกว่า... แม่หมายถึง ถามมาได้อย่างไร "ท่านเคยเห็นพระเจ้าหรือไม่?"

แต่เขาเป็นปรัชญามหาบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยบีนาเรส และทั้งหมดนั่น แต่ในอินเดียคุณจะไม่เจอคนแบบนี้ แม่ไม่รู้ว่าลัทธิวัตถุนิยมได้ ทําให้คนต่ําช้า อย่างสิ้นเชิงตรงไหน แม่หมายถึง ถามแม่แบบนี้ได้อย่างไร? ไม่เคยมีมาก่อน แม่มาที่นี่เพื่อมอบ การรู้แจ้งให้คุณ แค่นั้น และคุณควรรับมันไป นั่นคือสิทธิของคุณ สมมุติว่าที่นี่คือธนาคาร และแม่ต้องเซ็นต์ เช็คให้คุณ แค่นั้น หากคุณได้รับเช็ค ที่เซ็นต์แล้ว ทุกอย่างจบ เสร็จสิ้น นี่คือ ความสัมพันธ์ของแม่กับคุณ แม่จะไม่เล่าให้คุณ ฟังเกี่ยวกับตัวของแม่ เพื่อที่จะถูกจับ ตรึงกางเขนอีกครั้ง พระคริสต์พยายามที่จะ ลอกเล่าเกียวกับตัวท่าน และพวกนั้น ก็จับท่านตรึงกางเขน ถ้าตอนนี้แม่บอกเขาว่า "แน่นอน แม่รู้เกี่ยวกับพระเจ้า” เขาจะไม่ยอมรับหรอก ถ้าแม่บอกว่า "แม่ไม่รู้” เขาก็ไม่ยอมรับอีก ช่างโง่เขลา คนอินเดียไม่โง่เขลาเลย พวกเขามีปัญญามาก แม่ต้องบอกว่า แม่แปลกใจว่า ความโง่เขลานี้มาจากไหน เต็มไปด้วยปัญญา คนอินเดียเต็มไปด้วยปัญญา เพราะมันคือโยคะภูมิ คุณรู้ไหม ประเทศของเรานั้นเก่าแก่ คุณไม่รู้ว่าประเทศนี้ ได้รับการสรรเสริญแค่ไหน แม่สามารถ.. อย่าตัดสินพวกเขา จากคนที่คุณเคยพบ ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ มันเป็นประเทศที่ยิ่งใหญ่มาก มันยิ่งใหญ่มาก เป็นประเทศแห่งจิตวิญญาณ ประเทศแห่ง จิตวิญญาณอย่างสมบูรณ์ ดูคนพวกนี้สิ แม่ไม่รู้ว่า เกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา คนพวกนี้ช่างตื้นเขิน ผิวเผิน ผิวเผินที่สุด แม่ต้องบอกว่า มีวิญญาณที่ยิ่งใหญ่อยู่เช่นกัน แต่อย่าตัดสิน อย่าตัดสินประเทศที่ยิ่งใหญ่นี้ ครั้งหนึ่งแม่และสามี กําลังเดินทางไปที่อินเดีย และแม่บอกเขาว่า "เราได้สัมผัสประเทศของเราแล้ว” เขาถามว่า "คุณรู้ได้อย่างไร?” แม่ตอบว่า "ดูที่พลังไวเบรชั่นสิ ทั้งประเทศกําลังส่งพลังไวเบรชั่น ชั้นบรรยากาศกําลังส่งพลังไวเบรชั่น” เขาตอบว่า "จริงหรือ?” แม่พูดว่า "คุณไปถามนักบินดูสิ” เรานั่งชั้นหนึ่ง เขาจึงลงไปถามนักบิน นักบินตอบว่า "ครับท่านเราเพิ่ง สัมผัสประเทศอินเดียเมื่อนาทีที่ผ่านมา” ช่างเป็นประเทศที่ยิ่งใหญ่ ทั้งหมด กุณฑลินีทั้งหมดในจักรวาล อยู่ในประเทศนี้ คุณนึกภาพออกไหม พลังกุณฑลินี และพวกเขาไม่มี ความต้องการจะแสวงหา นั่นคือพลังแห่ง ความต้องการที่สถิตอยู่ตรงนั้น และพวกเขาไม่มีพลังในการแสวงหา คุณนึกภาพออกไหม? (ภาษาฮินดี) ตัวแม่เองประหลาดใจ และพวกที่มาทําตัวเหมือนคุรุ คนเลวร้ายที่มาหาเงิน แม่รู้สึกละอายใจ หากแม่เป็นคนอินเดียหรือ ในขณะที่แม่รู้สึกละอายใจนั้น บางครั้งแม่รู้สึกว่า "พวกนั้น ได้ทําอะไรกับสิ่งที่เรามี?” พวกเขามี มรดกอันยิ่งใหญ่ คุณเป็นแค่หน่อ คุณแค่สิ่งภายนอก คุณคือต้นไม้ เราคือราก คุณอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีพวกเรา เราคือรากของคุณ และรากที่แม่เห็น แม่ไม่เข้าใจ มันยังคงพอใช้ได้ มันคือความกังวลของแม่ รับมันไปเถอะ ตอนนี้กรุณายื่นมือมาที่แม่ ทุกคนถอดรองเท้าออก คุณต้องมีการแสวงหา ถ้าคุณไม่มีการแสวงหา การมาโปรแกรม ของแม่จะมีประโยชน์อะไร?

Guildhall Theatre, Derby (England)

Loading map...